ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (12 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกลับมาวิตกอีกครั้งเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากมีการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงเกินคาด และตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,631.14 จุด ลดลง 173.73 จุด หรือ -0.51%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,349.61 จุด ลดลง 27.34 จุด หรือ -0.62% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,574.22 จุด ลดลง 85.46 จุด หรือ -0.63%
ในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 นั้น หุ้นกลุ่มวัสดุปรับตัวลงมากที่สุด 1.5% ขณะที่การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรส่งผลกดดันต่อหุ้นที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย อาทิ กลุ่มสาธารณูปโภคลดลง 1.5% และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ลดลง 1.3%
ส่วนหุ้นบวกสวนตลาดได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ ปรับตัวขึ้น 0.1% และกลุ่มพลังงานเพิ่มขึ้น 0.09%
บรรดานักลงทุนวิตกว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นการประชุมนโยบายการเงินครั้งสุดท้ายในปีนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) สูงกว่าคาดในเดือนก.ย. และตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง และจะเป็นปัจจัยหนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 35.7% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.50-5.75% ในการประชุมเดือนธ.ค. หลังจากที่ให้น้ำหนักเพียง 26.3% เมื่อวันพุธ (11 ต.ค.)
ตลาดหุ้นสหรัฐยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังการเปิดเผยดัชนี CPI และตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงาน
การแข็งค่าของดอลลาร์จะส่งผลกระทบต่อบริษัทจดทะเบียนที่มีผลประกอบการในต่างประเทศ ขณะที่การดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก รวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองของสหรัฐ จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายลดน้อยลง และบริษัทต่าง ๆ จะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคประจำเดือนก.ย.ในวันพฤหัสบดี (12 ต.ค.) โดยดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.7% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.6% จากระดับ 3.7% ในเดือนส.ค. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI ทั่วไปปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3% จากระดับ 0.6% ในเดือนส.ค.
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 4.1% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 4.3% ในเดือนส.ค. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 0.3% ในเดือนส.ค.
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกทรงตัวที่ระดับ 209,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 210,000 ราย และตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกต่ำกว่าระดับ 210,000 รายเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน
บรรดานักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ โดยธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐ อาทิ เจพีมอร์แกน เชส, เวลส์ ฟาร์โก และซิตี้กรุ๊ป จะเปิดเผยผลประกอบการในวันศุกร์นี้ (13 ต.ค.)
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ในตะวันออกกลาง หลังกลุ่มฮามาสเปิดฉากโจมตีอิสราเอลเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (7 ต.ค.) และการสู้รบยังคงดำเนินอยู่ในขณะนี้