ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันศุกร์ (13 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนทั่วโลกเทขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยง และราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นทำให้นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 449.18 จุด ลดลง 4.45 จุด หรือ -0.98% แต่ปรับตัวขึ้นเกือบ 1% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,003.53 จุด ลดลง 101.00 จุด หรือ -1.42%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 5,186.66 จุด ลดลง 238.37 จุด หรือ -1.55% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,599.60 จุด ลดลง 45.18 จุด หรือ -0.59%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมถึงกลุ่มเดินทางและนันทนาการนำตลาดปรับตัวลง
ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลง ขณะที่สินทรัพย์ปลอดภัย อาทิ ทองคำและพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนลดความเสี่ยงลง ขณะที่สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางรุนแรงขึ้น
ประเทศต่าง ๆ เรียกร้องในวันศุกร์ (13 ต.ค.) ให้อิสราเอลระงับแผนโจมตีทางเหนือของฉนวนกาซา เนื่องจากพลเรือนมากกว่า 1 ล้านคนปฏิเสธที่จะอพยพออกจากพื้นที่
หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซ พุ่งขึ้น 1.2% แตะระดับสูงสุดในรอบ 9 ปี เนื่องจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นมากกว่า 3% หลังสหรัฐคุมเข้มมาตรการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันดิบของรัสเซีย ซึ่งได้เพิ่มความวิตกเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันในตลาดโลก
แต่การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อ ซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นในวงกว้าง
นางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ระบุว่า เงินเฟ้อของยูโรโซนเริ่มกลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ขณะที่ ECB ยังคงพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหากจำเป็น