ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันอังคาร (17 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังกับการเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียน และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ปรับตัวขึ้น ซึ่งบดบังแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน แม้ตลาดคลายความวิตกเกี่ยวกับความเสี่ยงต่าง ๆ ที่เกิดจากความขัดแย้งในตะวันออกกลางก็ตาม โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐจะเดินทางไปเยือนอิสราเอลในวันพุธนี้เพื่อแสดงการสนับสนุนต่อการทำสงครามของอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 449.76 จุด ลดลง 0.44 จุด หรือ -0.10%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,029.70 จุด เพิ่มขึ้น 7.51 จุด หรือ +0.11%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,251.69 จุด เพิ่มขึ้น 13.70 จุด หรือ +0.09% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,675.21 จุด เพิ่มขึ้น 44.58 จุด หรือ +0.58%
หุ้นกลุ่มก่อสร้างและวัสดุนำตลาดปรับตัวลง 0.9% หลังมีรายงานว่า คณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวว่ากำลังดำเนินการตรวจสอบการต่อต้านการผูกขาดตลาดโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้าในธุรกิจเคมีภัณฑ์ด้านการก่อสร้างในหลายประเทศสมาชิก ซึ่งบริษัทต่าง ๆ อาจถูกสงสัยว่ามีพฤติกรรมต่อต้านการแข่งขัน
ตลาดยังถูกกดดันจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรยูโรโซนปรับตัวขึ้นหลังสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นเกินคาด
บรรดานักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง รวมถึงความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ย
หุ้นกลุ่มพลังงานบวก 0.3% สวนทางตลาด โดยปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ
หุ้นอีริคสันของสวีเดนร่วง 5.9% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี หลังเปิดเผยแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4 ที่ต่ำกว่าคาด และบริษัทบ่งชี้ถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการฟื้นตัวของธุรกิจเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่
หุ้นโนเกียของฟินแลนด์ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งของอีริคสัน ร่วงลง 2.8% ส่งผลให้หุ้นกลุ่มเทเลคอมโดยรวม ลดลง 0.8%