ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงเกือบ 200 จุดในวันนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
ณ เวลา 22.17 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 33,812.88 จุด ลบ 184.77 จุด หรือ 0.54%
นอกจากนี้ ตลาดถูกกดดันจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 4.9% ในวันนี้ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2550
ทั้งนี้ การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐ จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายลดน้อยลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินกู้จำนองเพิ่มมากขึ้น และบริษัทต่างๆจะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
ราคาหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ดิ่งลงกว่า 7% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดภายในวันเดียวในรอบกว่า 3 ปี ขณะที่นักลงทุนผิดหวังต่อรายได้ของธุรกิจวาณิชธนกิจและธุรกิจบริหารความมั่งคั่งที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ส่วนราคาหุ้นของสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ทรุดตัวกว่า 8% หลังบริษัทเปิดเผยว่า ราคาน้ำมันอากาศยานที่พุ่งขึ้น และการระงับเที่ยวบินไปยังกรุงเทลอาวีฟ ท่ามกลางการทำสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส จะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/2566
ทั้งนี้ การสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสได้ย่างเข้าสู่วันที่ 12 และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก ขณะที่กองทัพอิสราเอลระบุก่อนหน้านี้ว่า สงครามดังกล่าวอาจใช้ระยะเวลายาวนาน
ทางด้านจอร์แดนประกาศยกเลิกการประชุมสุดยอด 4 ฝ่าย ซึ่งเดิมมีกำหนดจัดขึ้นในวันนี้ หลังเกิดเหตุระเบิดที่โรงพยาบาลในฉนวนกาซาวานนี้
กลุ่มฮามาสได้กล่าวโทษว่า เหตุระเบิดโรงพยาบาลอัล-อาห์ลี อัล-อาราบี ในฉนวนกาซาเมื่อคืนนี้เป็นฝีมือของอิสราเอล ขณะที่อิสราเอลระบุว่า ต้นเหตุคือกลุ่มติดอาวุธญิฮาดปาเลสไตน์ยิงจรวดพลาดเป้า
นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่สมาคมเศรษฐกิจแห่งนิวยอร์ก (Economic Club of New York) ในวันพรุ่งนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
การกล่าวสุนทรพจน์ดังกล่าว ถือเป็นการแสดงความเห็นของนายพาวเวลเป็นครั้งสุดท้าย ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดจะเริ่มเข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน (Blackout Period) ในวันเสาร์นี้ ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.
กฎระเบียบของเฟดได้ระบุห้ามเจ้าหน้าที่เฟดแสดงความเห็นต่อสาธารณะ หรือให้สัมภาษณ์ในช่วง Blackout Period เกี่ยวกับนโยบายการเงิน โดยเริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่สองก่อนที่การประชุม FOMC จะเริ่มขึ้น และสิ้นสุดในวันพฤหัสบดีหลังการประชุม FOMC