ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันพุธ (18 ต.ค.) โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มชิป และความวิตกที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งที่ขยายตัวในตะวันออกกลางส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายด้วย
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 445.02 จุด ลดลง 4.74 จุด หรือ -1.05%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,965.99 จุด ลดลง 63.71 จุด หรือ -0.91%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,094.91 จุด ลดลง 156.78 จุด หรือ -1.03% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,588.00 จุด ลดลง 87.21 จุด หรือ -1.14%
ดัชนี STOXX 600 ร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ ขณะที่นักลงทุนวิตกว่า การโจมตีโรงพยาบาลในฉนวนกาซาซึ่งทำให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตหลายร้อยคนนั้นได้เพิ่มความเสี่ยงให้กับประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐที่เดินทางเยือนอิสราเอล
หุ้นกลุ่มชิป อาทิ เอเอสเอ็ม อินเตอร์เนชันแนล และบีอี เซมิคอนดักเตอร์ ร่วงลง 0.8%-4.5% และฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของยุโรปลงด้วย 2.2% หลังบริษัทเอเอสเอ็มแอล โฮลดิง ผู้ผลิตอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ ร่วงลง 3.4% หลังรายงานยอดสั่งซื้อที่ต่ำกว่าคาด และเตือนเกี่ยวกับยอดขายที่ทรงตัวในปีหน้า
ตลาดหุ้นยุโรปเผชิญแรงกดดันในสัปดาห์นี้จากความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับสงครามในตะวันออกกลาง, การรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่แตกต่างกันไป และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่พุ่งสูงขึ้น
หุ้นแอสตร้าเซนเนก้า ร่วงลง 5.8% หลังข้อมูลการทดลองยารักษาโรคมะเร็งปอดได้สร้างความผิดหวังให้กับนักวิเคราะห์
นอกจากนี้ การเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของอังกฤษที่สูงเกินคาดกดดันตลาดด้วย
หุ้นกลุ่มทรัพยากรร่วงลง 2.7% หลังหุ้นอาเซเลอร์มิตตัล ร่วง 3.9% เนื่องจากแบงก์ออฟอเมริกาลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นตัวนี้เป็น "คงน้ำหนักการลงทุน" และหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลง 2.0% หลังหุ้นเอบีบี ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทด้านวิศวกรรมของสวิส ร่วง 6.5% หลังคาดการณ์แนวโน้มธุรกิจที่ซบเซาในไตรมาส 4
หุ้นกลุ่มพลังงานเป็นเพียงกลุ่มเดียวที่บวกขึ้นสวนตลาด 0.3% เนื่องจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นจากความวิตกด้านอุปทานที่เกิดจากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง