ตลาดหุ้นยุโรปเปิดลบในวันนี้ (19 ต.ค.) เนื่องจากผลประกอบการที่อ่อนแอของบรรดาบริษัทจดทะเบียนหลายแห่ง รวมถึงบริษัทใหญ่อย่างเนสท์เล่ (Nestle) ส่งผลให้นักลงทุนระมัดระวังความเสี่ยงในการลงทุนมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะสงครามในตะวันออกกลางอยู่แล้วเป็นทุนเดิม รวมถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 เปิดตลาดที่ระดับ 444.27 จุด ลดลง 0.75 จุด หรือ -0.17%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีเปิดตลาดที่ระดับ 15,060.65 จุด ลดลง 34.26 จุด หรือ -0.23% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสเปิดที่ 6,918.08 จุด ลดลง 47.91 จุด หรือ -0.69%
ดัชนีหุ้นกลุ่มยานยนต์ปรับตัวลง 2.1% ตามด้วยกลุ่มธนาคารและกลุ่มค้าปลีกซึ่งต่างปรับตัวลง 1.5%
หุ้นเน็ตฟลิกซ์ (Netflix) พุ่งขึ้น 12.5% หลังจากมีจำนวนสมาชิกใหม่ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 8.76 ล้านรายในไตรมาส 3 (ก.ค.-ก.ย.) ซึ่งสูงเกินกว่าการประมาณการของวอลล์สตรีทที่ 5.49 ล้านราย และนับเป็นยอดสมาชิกรายไตรมาสที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงมาตรการล็อกดาวน์โควิด-19 ที่มีสมาชิกเพิ่มขึ้นถึง 10.1 ล้านคน
หุ้นโนเกีย (Nokia) บริษัทอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมของฟินแลนด์ ร่วงลง 1.8% หลังจากประกาศแผนปลดพนักงาน เนื่องจากยอดขายไตรมาส 3 ลดลง
หุ้นเนสท์เล่ บริษัทผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มรายใหญ่ที่สุดของโลกจากสวิตเซอร์แลนด์ ร่วงลงเกือบ 2% หลังจากรายงานยอดขายในช่วง 9 เดือน ต่ำกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ เนื่องจากราคาสินค้าที่สูงขึ้นส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อ
หุ้นเรโนลต์ (Renault) แบรนด์รถยนต์รายใหญ่ของฝรั่งเศส ร่วงลง 4.6% เนื่องจากยอดขายชะลอตัวลง
หุ้นเทสลา (Tesla) ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นแฟรงก์เฟิร์ต ร่วงลง 5.1% หลังจากเปิดเผยกำไรขั้นต้นในไตรมาส 3 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้