ดัชนีดาวโจนส์แทบไม่ขยับ ขณะที่นักลงทุนซื้อขายอย่างระมัดระวัง ก่อนที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะกล่าวถ้อยแถลงในวันนี้
ณ เวลา 20.38 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 33,676.38 จุด บวก 11.30 จุด หรือ 0.03%
นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายพาวเวลที่สมาคมเศรษฐกิจแห่งนิวยอร์ก (Economic Club of New York) ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ทั้งนี้ การกล่าวสุนทรพจน์ดังกล่าว ซึ่งจะมีขึ้นในเวลา 12.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือคืนนี้เวลา 23.00 น.ตามเวลาไทย ถือเป็นการแสดงความเห็นของนายพาวเวลเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เจ้าหน้าที่เฟดจะเริ่มเข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน (Blackout Period) ในวันเสาร์นี้ และก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.
กฎระเบียบของเฟดได้ระบุห้ามเจ้าหน้าที่เฟดแสดงความเห็นต่อสาธารณะ หรือให้สัมภาษณ์ในช่วง Blackout Period เกี่ยวกับนโยบายการเงิน โดยเริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่สองก่อนที่การประชุม FOMC จะเริ่มขึ้น และสิ้นสุดในวันพฤหัสบดีหลังการประชุม FOMC
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นใกล้แตะระดับ 5% ในวันนี้ หลังดีดตัวทะลุ 4.9% วานนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2550 ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 30 ปีพุ่งทะลุ 5%
นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปี ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อนโยบายการเงินของเฟด พุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2549
นักลงทุนเทน้ำหนักเกือบ 100% ในการคาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ย. และเพิ่มน้ำหนักในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นการประชุมนโยบายการเงินครั้งสุดท้ายในปีนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 97.2% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.
นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 40.8% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.50-5.75% ในการประชุมวันที่ 12-13 ธ.ค. หลังจากที่ให้น้ำหนักเพียง 26.3% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว