ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวลงในวันนี้ โดยถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งในตะวันออกกลาง รวมทั้งการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และความกังวลว่าปัญหาติดขัดด้านอุปทานจะยิ่งส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอีก
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดภาคเช้าที่ระดับ 31,266.84 จุด ลดลง 163.78 จุด หรือ -0.52%, ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 2,997.22 จุด ลดลง 8.18 จุด หรือ -0.27% และดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 17,225.82 จุด ลดลง 70.07 จุด หรือ -0.41%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้นทะลุระดับ 5% เป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปีหรือนับตั้งแต่ปี 2523 ในช่วงเช้าวันนี้ ส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นเอเชียยังถูกกดดันจากผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทเทสลา และทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ออกมาอย่างหนัก
เทสลา ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยกำไรและรายได้ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 3/2566 หลังจากบริษัทปรับลดราคารถยนต์ไฟฟ้าเพื่อกระตุ้นแรงซื้อ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่บริษัทกำลังเผชิญกับภาวะอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
เทสลาเปิดเผยว่า กำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 อยู่ที่ 66 เซนต์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 73 เซนต์ และรายได้อยู่ที่ 2.335 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.41 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยนับครั้งแรกตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปี 2562 ที่ทั้งกำไรและรายได้ของเทสลาออกมาต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์