ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 100 จุด ขณะที่นักลงทุนจับตาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ รวมทั้งสถานการณ์ในตะวันออกกลาง
ณ เวลา 21.35 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 33,274.15 จุด ลบ 140.02 จุด หรือ 0.42%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ 5% ในวันนี้ หลังพุ่งขึ้นขานรับถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 5.001% ในช่วงแรก ซึ่งเป็นการดีดตัวขึ้นเหนือ 5% เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 16 ปี หรือนับตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค.2550 ซึ่งในวันดังกล่าว อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีทะยานขึ้นสู่ระดับ 5.029%
นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าววานนี้ว่า เงินเฟ้อยังคงอยู่สูงเกินไป และเฟดมีความมุ่งมั่นที่จะควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในเป้าหมาย 2%
นักลงทุนเทน้ำหนักเกือบ 100% ในการคาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสิ้นเดือนนี้
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 99.6% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.
นอกจากนี้ นักลงทุนวิตกว่าสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสจะยืดเยื้อและลุกลามออกนอกภูมิภาค หลังจากที่นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กล่าวว่า สงครามดังกล่าวจะเป็นสงครามที่ยาวนาน
ทั้งนี้ การสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสได้ย่างเข้าสู่วันที่ 14 และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก
ขณะนี้กองทัพอิสราเอลได้ตรึงกำลังประชิดชายแดนฉนวนกาซา ทำให้มีการคาดการณ์ว่าอิสราเอลจะเปิดปฏิบัติการภาคพื้นดินในไม่ช้า
นอกจากนี้ มีรายงานว่า มีการยิงขีปนาวุธจากเยเมนโจมตีอิสราเอล นอกเหนือจากที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ทำการโจมตีจากเลบานอน
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะมีการซื้อขายที่ผันผวนในวันนี้ เนื่องจากมีการครบกำหนดส่งมอบออปชั่นประจำเดือนต.ค.ในวงเงินมากกว่า 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงการครบกำหนดส่งมอบออปชั่นหุ้นประจำเดือนต.ค.ในวงเงิน 4.25 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นวงเงินส่งมอบออปชั่นหุ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับเดือนต.ค.