ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันอังคาร (24 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนในยุโรปและสหรัฐ ซึ่งได้ช่วยบดบังความวิตกเกี่ยวกับข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของยูโรโซน
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 435.09 จุด เพิ่มขึ้น 1.91 จุด หรือ +0.44%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,893.65 จุด เพิ่มขึ้น 43.18 จุด หรือ +0.63%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,879.94 จุด เพิ่มขึ้น 79.22 จุด หรือ +0.54% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,389.70 จุด เพิ่มขึ้น 14.87 จุด หรือ +0.20%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกนำโดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากราคาโลหะปรับตัวขึ้น
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นขณะที่แรงขายพันธบัตรสหรัฐลดลง และการคาดการณ์ผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐได้ช่วยหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุนท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลง 1.0% โดยหุ้นบาร์เคลย์ส ร่วง 6.5% หลังเปิดเผยถึงการปรับลดต้นทุนครั้งใหญ่ในปีนี้ และเตือนเกี่ยวกับผลกระทบด้านกำไรจากการแข่งขันกันแย่งชิงเงินฝาก
หุ้นกลุ่มธนาคารของสเปนร่วงลงจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบด้านกำไรหลังจากที่มีการเรียกร้องให้รัฐบาลปรับเพิ่มภาษีลาภลอย (windfall tax) กับธุรกิจธนาคาร
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อรวม (Composite PMI) ของยูโรโซน ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปีในเดือนต.ค. ขณะที่กิจกรรมทางธุรกิจในเยอรมนีหดตัวลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน ซึ่งทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
นักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
หุ้นกลุ่มสินค้าส่วนบุคคลและครัวเรือน พุ่งขึ้น 1.2% โดยหุ้นแอร์เมส พุ่ง 2.8% หลังเปิดเผยยอดขายไตรมาส 3 สูงเกินคาด และหุ้นพูม่า พุ่ง 7.6% หลังคาดการณ์ผลกำไรทั้งปีตามเดิม แม้ผลประกอบการไตรมาส 3 ลดลงก็ตาม
หุ้นโลจิเทค อินเตอร์เนชันแนล พุ่ง 10.2% หลังปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการทั้งปี