ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2566 ที่แข็งแกร่ง
ณ เวลา 21.53 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 33,071.50 จุด บวก 35.57 จุด หรือ 0.11% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ลบ 0.2%
นอกจากนี้ ดัชนี Nasdaq ดิ่งลง 1.1% หลังจากทรุดตัวลง 2.4% วานนี้ ตามการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ส่งผลให้ดัชนี Nasdaq เข้าสู่ภาวะปรับฐาน (Market Correction) โดยดัชนีได้ปรับตัวลงมากกว่า 10% จากจุดสูงสุดที่ทำไว้ในเดือนก.ค. และหากดัชนีปรับตัวลงต่อไปจนดิ่งลง 20% จากจุดสูงสุดล่าสุด ก็จะส่งผลให้ดัชนีเข้าสู่ภาวะตลาดหมี (Bear Market)
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2566 ในวันนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 4.9% ในไตรมาสดังกล่าว สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 4.7% หลังจากมีการขยายตัว 2.0% และ 2.1% ในไตรมาส 1 และ 2 ตามลำดับ
การขยายตัวที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 3 ได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค, การเพิ่มขึ้นของสินค้าคงคลัง, การส่งออก, การลงทุนของภาคเอกชน และการใช้จ่ายของรัฐบาล
ทั้งนี้ การใช้จ่ายของผู้บริโภคพุ่งขึ้น 4% ในไตรมาส 3 หลังจากเพิ่มขึ้นเพียง 0.8% ในไตรมาส 2 ส่วนการลงทุนของภาคเอกชนพุ่งขึ้น 8.4% และการใช้จ่ายของรัฐบาลเพิ่มขึ้น 4.6%
ราคาหุ้นของบริษัท เมตา แพลตฟอร์ม อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม (IG) ดิ่งลงกว่า 2% ในวันนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับรายได้จากการโฆษณา และการขาดทุนในธุรกิจเมตาเวิร์ส แม้บริษัทเปิดเผยตัวเลขกำไรและรายได้โดยรวมสูงกว่าคาดในไตรมาส 3/2566
นอกจากนี้ ราคาหุ้นของเมตายังถูกกดดันจากการที่อัยการสูงสุดจาก 42 รัฐทั่วสหรัฐได้รวมตัวกันฟ้องบริษัทในข้อหามอมเมาเยาวชนในการใช้เฟซบุ๊กและอินสตาแกรม จนทำให้มีการเสพติดโซเชียลมีเดีย
ส่วนราคาหุ้นของบริษัท อัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ร่วงลงกว่า 1% เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังรายได้จากธุรกิจคลาวด์ที่ต่ำกว่าคาด แม้บริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ในไตรมาส 3/2566 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์