ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าไร้ทิศทางในวันนี้ (30 ต.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากการดิ่งลงของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กในวันศุกร์ (27 ต.ค.) รวมทั้งความกังวลว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางอันเนื่องมาจากการสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจทั่วโลก ขณะที่ นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญจากภูมิภาคเอเชียและการประกาศนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดภาคเช้าที่ระดับ 30,609.48 จุด ร่วงลง 382.21 จุด หรือ -1.23%, ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,022.90 จุด เพิ่มขึ้น 5.12 จุด หรือ +0.17% และดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 17,349.36 จุด ลดลง 49.37 จุด หรือ -0.28%
นักลงทุนรอการตัดสินใจเรื่องนโยบายการเงินจากญี่ปุ่นและมาเลเซีย รวมถึงข้อมูลเงินเฟ้อจากเกาหลีใต้ และตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) จากไต้หวันและฮ่องกงในสัปดาห์นี้
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) มีกำหนดเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนต.ค.ในวันอังคารที่ 31 ต.ค.
ทางด้านไฉซินจะเปิดเผยผลสำรวจดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนต.ค.ของจีนในวันพุธที่ 1 พ.ย. และจากนั้นจะเปิดเผยดัชนี PMI ภาคบริการเดือนต.ค.ของจีนในวันศุกร์ที่ 3 พ.ย.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันศุกร์ (27 ต.ค.) โดยถูกกดดันจากการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่เป็นไปอย่างไร้ทิศทาง และนักลงทุนวิตกกว่า อัตราดอกเบี้ยในสหรัฐจะยังคงอยู่ที่ระดับสูงต่อไป หลังจากการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ถึงเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,417.59 จุด ร่วงลง 366.71 จุด หรือ -1.12%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,117.37 จุด ลดลง 19.86 จุด หรือ -0.48% แต่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,643.01 จุด เพิ่มขึ้น 47.41 จุด หรือ +0.38%