ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (31 ต.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และแถลงการณ์ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,052.87 จุด เพิ่มขึ้น 123.91 จุด หรือ +0.38%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,193.80 จุด เพิ่มขึ้น 26.98 จุด หรือ +0.65% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,851.24 จุด เพิ่มขึ้น 61.76 จุด หรือ +0.48%
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) จะประกาศผลการประชุมในวันนี้ (1 พ.ย.) ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีตามเวลาไทย และจากนั้นจะเป็นการแถลงข่าวของนายพาวเวล ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมครั้งนี้
เกร็ก บาสซัค นักวิเคราะห์จากบริษัท AXS Investments กล่าวว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นสู่แดนบวก ขานรับการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้ อย่างไรก็ดี นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ไม่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งความไม่แน่นอนของสงครามในตะวันออกกลางและในยูเครน
ซามีร์ ซามานา นักวิเคราะห์จากบริษัท Wells Fargo Investment Institute กล่าวว่า ตลาดยังได้แรงหนุนจากการชะลอตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี และจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อหลังจากราคาหุ้นร่วงลงอย่างหนักเมื่อไม่นานมานี้
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์พุ่งขึ้น 2% ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินพุ่งขึ้น 1.1% และดัชนีหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารปรับตัวขึ้น 0.2%
หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องมือสำหรับอุตสาหกรรมก่อสร้างและเหมืองแร่ ร่วงลง 6.7% หลังจากบริษัทได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปสงค์ชะลอตัว แม้บริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3/2566 ที่ออกมาดีเกินคาดก็ตาม
หุ้นแอมเจน ซึ่งเป็นบริษัทผลิตยาของสหรัฐ ดิ่งลง 2.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด
หุ้นพินเทอเรสต์ (Pinterest ) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแบ่งปันและค้นหารูปภาพในโซเชียลมีเดีย ทะยานขึ้น 19% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 28 เซนต์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 20 เซนต์ พร้อมกับเปิดเผยจำนวนสมาชิกรายเดือนเพิ่มขึ้น 8% สู่ระดับ 482 ล้านคน ใกล้กับระดับเป้าหมาย 500 ล้านคน
ตลอดทั้งเดือนต.ค. ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงทั้งสิ้น 1.4% ขณะที่ดัชนี S&P500 ดิ่งลง 2.2% และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 2.8%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 102.6 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน จากระดับ 104.3 ในเดือนก.ย. โดยดัชนีความเชื่อมั่นได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมทั้งสถานการณ์ในตะวันออกกลาง
ขณะที่ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ บ่งชี้ว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และหากเทียบรายเป็นปี ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนส.ค.
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 188,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 336,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. นอกจากนี้ คาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.8% ในเดือนต.ค.