ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันอังคาร (31 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนหลายราย แต่ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดเดือนต.ค.ร่วงลงอย่างรุนแรงจากความวิตกเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 433.66 จุด เพิ่มขึ้น 2.54 จุด หรือ +0.59%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,885.65 จุด เพิ่มขึ้น 60.58 จุด หรือ +0.89%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,810.34 จุด เพิ่มขึ้น 93.80 จุด หรือ +0.64% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,321.72 จุด ลดลง 5.67 จุด หรือ -0.07%
ดัชนี STOXX 600 ปิดบวกในวันอังคาร แต่ปรับตัวลงรายเดือนในเดือนต.ค.มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2565 และปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยร่วงลงรวม 3.7%
ตลาดยังคงถูกกดดันหลังการเปิดเผยข้อมูลการขยายตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซนอ่อนแอเกินคาดในไตรมาส 3 โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) หดตัวลงเล็กน้อยเมื่อเทียบรายไตรมาส และอัตราการขยายตัวเมื่อเทียบเป็นรายปีชะลอลงอย่างรุนแรง ขณะที่ยอดค้าปลีกของเยอรมนีลดลงในเดือนก.ย. เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง
บรรดานักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในสัปดาห์นี้
หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวขึ้น 2.7% โดยหุ้นบริษัทเอดิฟิกาซึ่งเป็นบริษัทลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ของเบลเยียม พุ่งขึ้น 5.0% หลังบริษัทปรับเพิ่มแนวโน้มผลประกอบการทั้งปี
หุ้นกลุ่มเคมีภัณฑ์ พุ่งขึ้น 1.7% หลังหุ้นบริษัทบีเอเอสเอฟของเยอรมนี พุ่งขึ้น 4.5% แม้เปิดเผยผลประกอบการหลักในไตรมาส 3 ลดลง และปรับลดแนวโน้มผลประกอบการทั้งปีก็ตาม ขณะที่บรรดานักลงทุนคาดไว้ว่า ผลประกอบการของบริษัทอาจจะย่ำแย่กว่านี้
แต่หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงรุนแรงที่สุด เนื่องจากหุ้นบีพีดิ่งลง 4.6% หลังเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้
ข้อมูลจาก LSEG ระบุว่า บริษัท 158 แห่งในดัชนี STOXX 600 รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ออกมาแล้ว โดย 57.6% รายงานผลประกอบการสูงเกินคาด
หุ้นโรลส์ รอยซ์ พุ่งขึ้น 6.6% หลังบริษัทบาร์เคลย์สปรับเพิ่มคำแนะนำลงทุน