ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกขึ้นมากกว่า 1% ในวันพฤหัสบดี (2 พ.ย.) นำโดยหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มเทคโนโลยีจากความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นว่า ธนาคารกลางต่าง ๆ ได้ยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว หลังจากธนาคารกลางของสหรัฐ, อังกฤษและนอร์เวย์ตรึงอัตราดอกเบี้ยไม่เปลี่ยนแปลงในการประชุมสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 443.47 จุด เพิ่มขึ้น 6.90 จุด หรือ +1.58%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,060.69 จุด เพิ่มขึ้น 128.06 จุด หรือ +1.85%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,143.60 จุด เพิ่มขึ้น 220.33 จุด หรือ +1.48% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,446.53 จุด เพิ่มขึ้น 104.10 จุด หรือ +1.42%
ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 2 สัปดาห์ ขณะที่ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้น 1.4% หลังธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี และตลาดหุ้นนอร์เวย์บวก 0.7% หลังธนาคารกลางนอร์เวย์ตรึงอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน
นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เปิดเผยในการแถลงข่าวหลังสิ้นสุดการประชุมเฟดเมื่อวันพุธว่า การปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยอาจเริ่มที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ซึ่งความเห็นดังกล่าวสนับสนุนมุมมองที่ว่าเฟดอาจยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ พุ่งขึ้น 5.2% ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยี พุ่งขึ้น 2.7%
นอกจากนี้ การเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนได้ช่วยหนุนตลาดด้วย
หุ้นอเด็คโก้ กรุ๊ปซึ่งเป็นบริษัทจัดหางานของสวิตเซอร์แลนด์ พุ่งขึ้น 13.9% หลังจากเปิดเผยกำไรสุทธิไตรมาส 3 ดีกว่าคาด
หุ้นเฟอร์รารี พุ่ง 5.6% หลังปรับเพิ่มแนวโน้มผลประกอบการปีนี้ และหนุนหุ้นกลุ่มรถยนต์พุ่ง 3%
หุ้นเชลล์พุ่ง 4.2% หลังเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ตามคาดที่ 6.2 พันล้านดอลลาร์และประกาศโครงการซื้อหุ้นคืน
หุ้นโนโว นอร์ดิสค์ พุ่ง 3.2% หลังคาดการณ์การเติบโตของยอดขายยาเพิ่มขึ้นมากกว่า 10%