ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันศุกร์ (3 พ.ย.) และปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบสัปดาห์นี้นับตั้งแต่เดือนมี.ค. โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย หลังบรรดาธนาคารกลางรายใหญ่ส่งสัญญาณยุติการคุมเข้มนโยบายการเงิน
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 444.24 จุด เพิ่มขึ้น 0.77 จุด หรือ +0.17%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,047.50 จุด ลดลง 13.19 จุด หรือ -0.19%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,189.25 จุด เพิ่มขึ้น 45.65 จุด หรือ +0.30% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,417.73 จุด ลดลง 28.80 จุด หรือ -0.39%
ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้น 3.4% ในรอบสัปดาห์นี้ โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน, สัญญาณการชะลอตัวของเงินเฟ้อ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลงในยูโรโซนหลังจากที่มีการคาดการณ์กันเพิ่มขึ้นว่า ธนาคารกลางรายใหญ่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE), ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอื่นๆ ตรึงอัตราดอกเบี้ยไม่เปลี่ยนแปลงนั้น ทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าอัตราดอกเบี้ยแตะระดับสูงสุดแล้ว
หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2551 โดยเพิ่มขึ้น 12.2% ขณะที่การทะยานขึ้นของราคาพันธบัตรรัฐบาลทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลงในยุโรปและทั่วโลก
หุ้นกลุ่มรถยนต์ปรับตัวขึ้น 1.7% และบวก 6.2% ในรอบสัปดาห์นี้
หุ้นกลุ่มสินค้าหรูหราปรับตัวขึ้นด้วย และปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.
ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงสวนทางตลาด และเป็นกลุ่มเดียวที่ติดลบรายสัปดาห์ โดยปรับตัวลงตามราคาน้ำมันหลังจากที่ตลาดคลายความวิตกเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันซึ่งเกิดจากความตึงเครียดในตะวันออกกลาง
หุ้นกลุ่มประกันปรับตัวลง 0.4% นำโดยการร่วงลงของหุ้นแอกซ่าของฝรั่งเศสซึ่งร่วงลง 1.2% หลังเปิดเผยผลประกอบการรอบ 9 เดือน