ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพุธ (15 พ.ย.) สู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 เดือน เนื่องจากนักลงทุนขานรับเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงในประเทศต่าง ๆ ซึ่งสนับสนุนโอกาสที่ธนาคารกลางจะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 454.52 จุด เพิ่มขึ้น 1.92 จุด หรือ +0.42%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,209.61 จุด เพิ่มขึ้น 23.93 จุด หรือ +0.33%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,748.17 จุด เพิ่มขึ้น 133.74 จุด หรือ +0.86% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,486.91 จุด เพิ่มขึ้น 46.44 จุด หรือ +0.62%
ตลาดได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่า เงินเฟ้อในสหรัฐและอังกฤษชะลอตัวลงเกินคาดในเดือนต.ค.ซึ่งจะสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ราคาค้าส่งของเยอรมนีร่วงลงรุนแรงที่สุดในรอบเกือบ 3 ปีครึ่งในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้แรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ชะลอตัวในเยอรมนีซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของยุโรป
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่จีนเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกขยายตัวในเดือนต.ค. และรายงานเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่
หุ้นกลุ่มสินค้าหรูหราที่พึ่งพาตลาดจีน บวก 1% สู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 เดือน โดยหุ้นเคอริง, แอลวีเอ็มเอช และริชมอนด์ ปรับตัวขึ้นมากกว่า 1%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยพุ่งขึ้น 2.1% ขณะที่กลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้น 1.5% ตามราคาโลหะ
หุ้นอินฟินีออน ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปของเยอรมนี ทะยานขึ้น 9.7% หลังรายงานรายได้ที่สูงเกินคาดในปีนี้
หุ้นซีเมนส์ เอเนอร์จี พุ่ง 8.8% หลังเปิดเผยว่าบริษัทอาจถอนตัวออกจากบางตลาดและยกเลิกผลิตภัณฑ์ในธุรกิจกังหันลมที่ประสบปัญหา
บรรดานักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของยูโรโซนในวันศุกร์นี้