ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าลบในวันนี้ (17 พ.ย.) โดยเคลื่อนไหวตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับตัวลงเมื่อวานนี้ (16 พ.ย.) หลังจากที่ปรับตัวขึ้นในช่วงกลางสัปดาห์โดยได้แรงหนุนจากเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงของสหรัฐ ขณะที่หุ้นฮ่องกงนำตลาดในภูมิภาคเอเชียปรับตัวลดลง หลังหุ้นอาลีบาบาที่ดิ่งลงรุนแรงถึง 10%
ดัชนีฮั่งเส็งปิดภาคเช้าที่ระดับ 17,445.56 จุด ลดลง 387.26 จุด หรือ -2.17%, ดัชนีนิกเกอิปิดภาคเช้าที่ระดับ 33,422.93 จุด ลดลง 1.48 จุด หรือ 0.00% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,046.15 จุด ลดลง 4.77 จุด หรือ -0.16%
ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในตลาดหุ้นฮ่องกง (Hang Seng Tech Index) ร่วงลง 2% โดยถูกฉุดจากราคาหุ้นอาลีบาบาที่ดิ่งลงรุนแรงถึง 10% หลังจากบริษัทประกาศว่าจะยกเลิกแผนปรับโครงสร้างในการแยกธุรกิจ Cloud Intelligence Group ซึ่งดูแลธุรกิจคลาวด์และ AI
อาลีบาบาเปิดเผยเมื่อวานนี้ (16 พ.ย.) ว่า การตัดสินใจดังกล่าวมีสาเหตุจากการที่รัฐบาลสหรัฐมีนโยบายห้ามการส่งออกชิปที่ใช้ในธุรกิจ AI ไปยังจีน ซึ่งทำให้บริษัทจีนประสบความยากลำบากในการนำเข้าชิปจากบริษัทสหรัฐ
ทั้งนี้ สหรัฐสั่งห้ามบริษัทอินวิเดียจำหน่ายชิป AI รุ่น H800 และ A800 ให้แก่จีนในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา
"นโยบายห้ามจำหน่ายชิปของสหรัฐได้สร้างความไม่แน่นอนต่อทิศทางของ Cloud Intelligence Group ทำให้เราเชื่อว่าการแยกธุรกิจ Cloud Intelligence Group จะไม่ช่วยเพิ่มมูลค่าแก่ผู้ถือหุ้นตามที่เราต้องการ โดยเราจะหันไปมุ่งเน้นรูปแบบการขยายตัวที่ยั่งยืนสำหรับ Cloud Intelligence Group ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่แน่นอนในขณะนี้" แถลงการณ์จากอาลีบาบาระบุ
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (16 พ.ย.) หลังจากบริษัทซิสโก้ ซิสเต็มส์ ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐปรับลดคาดการณ์ผลกำไรในปี 2567 และบริษัทวอลมาร์ท ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยการคาดการณ์ผลกำไรที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,945.47 จุด ลดลง 45.74 จุด หรือ -0.13%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,508.24 จุด เพิ่มขึ้น 5.36 จุด หรือ +0.12% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,113.67 จุด เพิ่มขึ้น 9.84 จุด หรือ +0.07%