ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันอังคาร (21 พ.ย.) โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคารของอิตาลี ขณะที่นักลงทุนชะลอการซื้อขายหุ้นเพื่อรอการเปิดเผยรายงานการประชุมครั้งที่ผ่านมาของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 455.85 จุด ลดลง 0.41 จุด หรือ -0.09%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,229.45 จุด ลดลง 17.48 จุด หรือ -0.24%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,900.53 จุด ลดลง 0.80 จุด หรือ -0.01% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,481.99 จุด ลดลง 14.37 จุด หรือ -0.19%
ตลาดหุ้นยุโรปถูกกดดันจากการที่ตลาดหุ้นอิตาลีร่วงลงรุนแรงที่สุดในรอบ 1 เดือน โดยหุ้นธนาคารมอนเต เดย ปาสชี ดิ เซียนา ของอิตาลีร่วงลง 7.9% หลังรัฐบาลอิตาลีขายหุ้น 25% ในธนาคารดังกล่าว
หุ้นบังโก บีพีเอ็ม ร่วง 4.0% หลังดอยซ์ แบงก์ปรับลดคำแนะนำลงทุนจาก "ซื้อ" เป็น "ถือ"
บรรดานักลงทุนชะลอการซื้อขายขณะรอการเปิดเผยรายงานการประชุมล่าสุดของเฟดซึ่งจะเปิดเผยหลังจากตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการในวันอังคารแล้ว
ตลาดหุ้นยุโรปถูกกดดันจากความเห็นเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ดับความหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
นายฟรองซัวส์ วิลเลรอย เดอ กัลเฮา กรรมการ ECB ระบุว่า อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มไม่เปลี่ยนแปลงในหลายไตรมาสหน้า หลังจากนายปาโบล เฮอร์นันเดซ เด คอส กรรมการ ECB และผู้ว่าการธนาคารกลางสเปนระบุว่า ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นที่ว่าอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกแตะระดับสูงสุดแล้วนั้นได้ถูกบดบังจากความวิตกว่าเศรษฐกิจอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย และผลสำรวจของรอยเตอร์คาดว่า ตลาดหุ้นยุโรปอาจจะปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในปีหน้า
หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ร่วงลง 2.1%
หุ้นกลุ่มสินค้าหรูหรา ลดลง 0.6% โดยหุ้นแอลวีเอ็มเอชของฝรั่งเศส ร่วง 1.9% หลังยูบีเอสปรับลดคำแนะนำลงทุนจาก "ซื้อ" เป็นลงทุน "ตามสัดส่วนน้ำหนักถ่วงตลาด"