ตลาดหุ้นยุโรปเปิดลบในวันนี้ (28 พ.ย.) โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มบริษัทสินค้าหรูหรา และถ้อยแถลงของผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ทำลายความหวังว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยในปีหน้า
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 เปิดตลาดที่ระดับ 457.72 จุด ลดลง 0.69 จุด หรือ -0.15%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีเปิดตลาดที่ระดับ 15,939.19 จุด ลดลง 27.18 จุด หรือ -0.17% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสเปิดที่ 7,230.74 จุด ลดลง 34.75 จุด หรือ -0.48%
หุ้นโรลส์-รอยซ์ (Rolls-Royce) บริษัทผู้ผลิตรถยนต์หรูหราของอังกฤษ พุ่งขึ้น 4% หลังจากประกาศปรับเพิ่มเป้าหมายกำไรจากการดำเนินงานในระยะกลางจาก 2.5 พันล้านปอนด์ (3.155 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ขึ้นเป็น 2.8 พันล้านปอนด์
หุ้นจูเลียส แบร์ (Julius Baer) หนึ่งในธนาคารที่เก่าแก่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ ร่วงลง 1.5% หลังจากที่มอร์แกน สแตนลีย์ ปรับอันดับความน่าลงทุนของหุ้นลงเป็น คงน้ำหนักการลงทุน (equal weight) จากเดิมที่ให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุน (overweight)
หุ้นบริษัทสินค้าหรูหราอย่าง แอลวีเอ็มเอช (LVMH), ริชมอนด์ (Richemont) และเคอริง (Kering) ต่างร่วงลงประมาณ 2%
หุ้นอาร์เจ็นเอ็กซ์ (ArgenX) บริษัทไบโอเทคโนโลยีของเบลเยียม ร่วงลง 16.3% หลังจากการเปิดเผยผลการศึกษาล่วงหน้าเกี่ยวกับยารักษาโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง Vyvgart Hytrulo ซึ่งการศึกษาระบุว่ายาดังกล่าวไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์หลักและรองได้
นายโยอาคิม เนเกิล ประธานธนาคารกลางเยอรมนี (Bundesbank) และผู้กำหนดนโยบายของสภา ECB กล่าวในวันนี้ (28 พ.ย.) ว่า อาจจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง หากสถานการณ์เงินเฟ้อย่ำแย่ลง และ ECB ไม่ควรเร่งรีบผ่อนคลายนโยบายเร็วเกินไป หลังจากที่ดำเนินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องนานเป็นประวัติการณ์
ด้านนางคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB กล่าวเมื่อวานนี้ (27 พ.ย.) ว่า การต่อสู้เพื่อควบคุมการเติบโตของอัตราเงินเฟ้อยังไม่สิ้นสุดลง
ทั้งนี้ นักลงทุนยังจับตารอการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้รวมถึง อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซน และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนต.ค. ของสหรัฐ ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อพิจารณาทิศทางเกี่ยวกับทิศทางนโยบายทางการเงินต่อไป