ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 300 จุด ขานรับตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานที่เพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว รวมทั้งดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่ชะลอตัวจากเดือนก.ย. ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ณ เวลา 23.29 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 35,746.40 จุด บวก 315.98 จุด หรือ 0.89%
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 7,000 ราย สู่ระดับ 218,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องเพิ่มขึ้น 86,000 ราย สู่ระดับ 1.927 ล้านราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี
ส่วนกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี PCE ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.0% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 3.4% ในเดือนก.ย.
เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE ทั่วไป ทรงตัวในเดือนต.ค. หรือปรับตัวขึ้น 0.0% ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.1% จากระดับ 0.4% ในเดือนก.ย.
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ ปรับตัวขึ้น 3.5% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 3.7% ในเดือนก.ย.
เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 0.3% ในเดือนก.ย.
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวอย่างแข็งแกร่งในเดือนนี้ โดยดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้น 7.8% นับตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย. ทำสถิติปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2565 ขณะที่ดัชนี S&P 500 ทะยานขึ้น 8.6% ส่วนดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 11% โดยดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq มีแนวโน้มทำสถิติปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2565
การพุ่งขึ้นของตลาดได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดได้ยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว หลังจากที่ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 11 ครั้งนับตั้งแต่ที่เริ่มวัฏจักรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.2565 ส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 5.25%
นักลงทุนเทน้ำหนักในการคาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.2566, ม.ค.2567 และมี.ค.2567 ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนพ.ค.2567 และมิ.ย.2567
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 95.8% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือนธ.ค.2566
ขณะเดียวกัน นักลงทุนคาดว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือนม.ค.2567 และมี.ค.2567 ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมเดือนพ.ค.2567 และปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00% ในการประชุมเดือนมิ.ย.2567