ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวแคบในวันนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทพักฐาน หลังจากพุ่งแรงในเดือนพ.ย.
ณ เวลา 21.41 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 35,985.43 จุด บวก 34.54 จุด หรือ 0.1%
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวอย่างแข็งแกร่งในเดือนพ.ย. โดยดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้น 8.8% ทำสถิติปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2565 ขณะที่ดัชนี S&P 500 ทะยานขึ้น 8.9% ส่วนดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 10.7% โดยดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ทำสถิติปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2565
การซื้อขายในตลาดได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดได้ยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว หลังจากที่ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 11 ครั้งนับตั้งแต่ที่เริ่มวัฏจักรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.2565 ส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 5.25%
นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด ก่อนที่เฟดจะเริ่มเข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน (Blackout Period) ในวันพรุ่งนี้
ทั้งนี้ นายพาวเวลมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในงานเสวนา 2 รอบในวันนี้ ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย โดยงานเสวนารอบแรกจะเริ่มขึ้นในเวลา 11.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 23.00 น.ตามเวลาไทย ส่วนงานเสวนารอบที่ 2 จะเริ่มขึ้นในเวลา 14.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือคืนนี้เวลา 02.00 น.ตามเวลาไทย
เฟดจะเริ่มเข้าสู่ช่วง Blackout Period ในวันพรุ่งนี้ ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันที่ 12-13 ธ.ค.
ทั้งนี้ กฎระเบียบของเฟดได้ระบุห้ามเจ้าหน้าที่เฟดแสดงความเห็นหรือให้สัมภาษณ์ในช่วง Blackout Period เกี่ยวกับนโยบายการเงิน โดยเริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่สองก่อนที่การประชุม FOMC จะเริ่มขึ้น และสิ้นสุดในวันพฤหัสบดีหลังการประชุม FOMC เพื่อป้องกันไม่ให้สาธารณชนตีความว่าเป็นการบ่งชี้การดำเนินการด้านอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมนโยบายการเงินที่จะมาถึง
ตลาดคาดการณ์ว่า เฟดได้ยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว หลังการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่ชะลอตัวจากเดือนก.ย.
นักลงทุนเทน้ำหนักในการคาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.2566, ม.ค.2567 และมี.ค.2567 ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนพ.ค.2567 และมิ.ย.2567
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 99.4% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือนธ.ค.2566
ขณะเดียวกัน นักลงทุนคาดว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือนม.ค.2567 และมี.ค.2567 ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมเดือนพ.ค.2567 และปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00% ในการประชุมเดือนมิ.ย.2567