ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (4 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังในการซื้อขายหุ้นก่อนการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งอาจจะเปลี่ยนแปลงการคาดการณ์ในตลาดที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในต้นปีหน้า
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,204.44 จุด ลดลง 41.06 จุด หรือ -0.11%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,569.78 จุด ลดลง 24.85 จุด หรือ -0.54% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,185.49 จุด ลดลง 119.54 จุด หรือ -0.84%
จุดสนใจของตลาดในสัปดาห์นี้อยู่ที่การเปิดเผยรายงานการจ้างงานเดือนพ.ย.ในวันศุกร์นี้ (8 ธ.ค.) ซึ่งอาจจะช่วยนักลงทุนประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟด รวมถึงแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือ ซอฟต์แลนดิ้ง (soft landing) ซึ่งเฟดสามารถควบคุมเงินเฟ้อขณะที่หลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้
เครื่องมือ FedWatch tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า บรรดาเทรดเดอร์คาดการณ์ว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไม่เปลี่ยนแปลงในการประชุมสัปดาห์หน้า (12-13 ธ.ค.) และสัญญาอัตราดอกเบี้ยล่วงหน้าบ่งชี้ว่า มีความเป็นไปได้ 58% ที่เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. 2567
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่าเร็วเกินไปที่ตลาดจะปรับตัวรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง
บรรดานักลงทุนมีความวิตกครั้งใหม่เกี่ยวกับการขยายขอบเขตของสงครามในอิสราเอลและกาซา หลังจากมีการโจมตีเรือพาณิชย์ 3 ลำในทะเลแดง
หุ้นขนาดใหญ่ อาทิ ไมโครซอฟท์, แอปเปิ้ล, อินวิเดีย และอะเมซอน ร่วงลงกว่า 1% โดยถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวขึ้น ซึ่งทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นมีความน่าดึงดูดใจน้อยลง
หุ้นอะแลสกา แอร์ กรุ๊ป ร่วงลง 14% หลังเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ (3 ธ.ค.) ว่า จะซื้อกิจการของฮาวายเอี้ยน โฮลดิ้งส์ เป็นเงิน 1.9 พันล้านดอลลาร์ซึ่งรวมถึงหนี้สินด้วย
หุ้นอูเบอร์ เทคโนโลยีส์ ทะยานขึ้น 2.2% สวนทางตลาด หลังประกาศเมื่อวันศุกร์ (1 ธ.ค.) ว่าจะเข้ารวมในการคำนวณดัชนี S&P500 โดยจะมีผลในวันที่ 18 ธ.ค.นี้
หุ้นของบริษัทด้านคริปโทเคอร์เรนซี อาทิ คอยน์เบส โกลบอล, ไรออต แพลตฟอร์ม และมาราธอน ดิจิทัล ทะยานขึ้น 5-9% หลังราคาบิตคอยน์ทะยานขึ้นทะลุ 40,000 ดอลลาร์ได้เป็นครั้งแรกในปีนี้