ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นในวันนี้ หลังจากร่วงลง 2 วันติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีหน้า
นอกจากนี้ ตลาดได้รับปัจจัยบวกจากประสิทธิภาพในการผลิตของแรงงานสหรัฐที่พุ่งขึ้นเกินคาด และต้นทุนแรงงานต่อหน่วยที่ลดลงมากกว่าคาด ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อ
ณ เวลา 22.04 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 36,206.32 จุด บวก 81.76 จุด หรือ 0.23%
ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 103,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 128,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 106,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ หลังจากที่ ADP เปิดเผยว่า ตัวเลขค่าจ้างเพิ่มขึ้น 5.6% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2564
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ประสิทธิภาพในการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐพุ่งขึ้น 5.2% ในไตรมาส 3/2566 เมื่อเทียบรายไตรมาส ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 3/2563
นอกจากนี้ ตัวเลขประสิทธิภาพในการผลิตดังกล่าว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.3% หลังจากเพิ่มขึ้น 3.5% ในไตรมาส 2
ทั้งนี้ ประสิทธิภาพในการผลิตของแรงงานเป็นการวัดผลผลิตรายชั่วโมงต่อแรงงาน 1 คน
ขณะเดียวกัน ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยลดลง 1.2% ในไตรมาส 3 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 0.9% หลังจากเพิ่มขึ้น 2.2% ในไตรมาส 2
นักลงทุนจับตาตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ในวันพรุ่งนี้ รวมทั้งตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้นเพียง 150,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานทรงตัวที่ระดับ 3.9%
นักลงทุนเทน้ำหนักเกือบ 100% ในการคาดการณ์ว่า เฟดจะประกาศคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในการประชุมเดือนมี.ค.2567
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 99.7% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 12-13 ธ.ค.2566 และให้น้ำหนัก 87.4% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในเดือนม.ค.2567
นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 53.0% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมเดือนมี.ค.2567