ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (6 ธ.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากมุมมองที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจได้รับผลกระทบจากตลาดแรงงานที่ชะลอตัวลง แม้ปัจจัยดังกล่าวอาจจะสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงต้นปีหน้าก็ตาม
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,054.43 จุด ลดลง 70.13 จุด หรือ -0.19%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,549.34 จุด ลดลง 17.84 จุด หรือ -0.39% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,146.71 จุด ลดลง 83.20 จุด หรือ -0.58%
ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 103,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 128,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 106,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค.
ข้อมูลดังกล่าวเป็นหลักฐานล่าสุดที่บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐเริ่มคลายความร้อนแรง หลังจากที่ก่อนหน้านี้เพียงวันเดียวสหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ลดลง 617,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 8.733 ล้านตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2564 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 9.300 ล้านตำแหน่ง
เดวิด รัสเซลล์ นักวิเคราะห์จากบริษัท TradeStation กล่าวว่า ในช่วงแรกนั้นตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจาก ADP เปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งอาจจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.ปีหน้า แต่ตลาดอ่อนแรงลงในเวลาต่อมาเนื่องจากนักลงทุนเริ่มวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ขณะที่ บิล เมิร์ซ นักวิเคราะห์จากบริษัท U.S. Bank Wealth Management กล่าวว่า ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนและข้อมูลแรงงานที่มีการเปิดเผยก่อนหน้านี้ถือเป็นการตอกย้ำว่า ภารกิจการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดคือการทำให้เศรษฐกิจและตลาดแรงงานชะลอตัวลง แต่ขณะนี้นักลงทุนเริ่มวิตกกังวลว่าหากแนวโน้มดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นเวลานานเกินไป สหรัฐก็อาจจะสูญเสียตำแหน่งงานเป็นจำนวนมาก
ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหนักที่สุดในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 โดยปรับตัวลง 1.64% หลังจากราคาน้ำมัน WTI ดิ่งหลุดจากระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 1.3% หุ้นโคโนโคฟิลลิป ดิ่งลง 2.3% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 3.6%
ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลง 0.93% โดยหุ้นอินวิเดีย ร่วงลง 2.28% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 1% หุ้นอะเมซอน ร่วงลง 1.6%
หุ้นแคมป์เบลล์ ซุป (Campbell Soup) ซึ่งเป็นผู้ผลิตซุปและอาหารรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 7.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรรายไตรมาสที่สูงกว่าคาด
นักลงทุนจับตาสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ในวันนี้ และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้นเพียง 150,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.9%