ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันพุธ (6 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเดินทางและกลุ่มสายการบินที่พุ่งขึ้น และยังได้แรงหนุนจากข้อมูลตลาดแรงงานของสหรัฐซึ่งทำให้เกิดความหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีหน้า
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,515.38 จุด เพิ่มขึ้น 25.54 จุด หรือ +0.34%
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้น หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ถึงตลาดแรงงานสหรัฐที่ชะลอตัว และได้กระตุ้นให้เทรดเดอร์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างเร็วที่สุดในเดือนมี.ค.ปีหน้า
อย่างไรก็ตาม นายแอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยในอังกฤษจะต้องอยู่ที่ระดับปัจจุบันเป็นระยะเวลาหนึ่ง พร้อมระบุเสริมว่า แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อยังไม่แน่นอน
หุ้น TUI ซึ่งเป็นบริษัทด้านการเดินทางรายใหญ่ที่สุดของยุโรป พุ่งขึ้น 14.8% หลังคาดการณ์ผลกำไรจากการดำเนินงานในปีนี้พุ่งขึ้น 25%
หุ้นกลุ่มสายการบิน อาทิ หุ้นไอเอจี เจ้าของสายการบินบริติช แอร์เวย์, วิซ แอร์ และอีซี่เจ็ต ปรับตัวขึ้น หลังราคาน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงลงเกือบ 4% สู่ระดับ 74.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากสต็อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐเพิ่มขึ้นมากเกินคาด
หุ้นเท็น เอนเทอร์เทนเมนต์ ผู้ประกอบการสถานที่เล่นโบว์ลิ่ง พุ่งขึ้น 31.9% สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลังทำข้อตกลงกับบริษัททริฟ แคปปิตอล ซึ่งเป็นบริษัทด้านการลงทุนของสหรัฐซึ่งจะเข้าซื้อกิจการของเท็นเป็นมูลค่า 287 ล้านปอนด์ (361.5 ล้านดอลลาร์)
แต่หุ้นบริติช อเมริกัน โทแบคโค ร่วงลง 8.4% หลังเปิดเผยว่าบริษัทจะได้รับผลกระทบราว 3.15 หมื่นล้านดอลลาร์จากการปรับลดมูลค่าแบรนด์บุหรี่บางแบรนด์ในสหรัฐ โดยหุ้นบริษัทบุหรี่ของสหรัฐ อาทิ อัลเทรียและฟิลิป มอร์ริส ร่วงลงจากข่าวดังกล่าวด้วย