ตลาดหุ้นลอนดอนปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลงในวันพฤหัสบดี (7 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายหุ้นก่อนสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานในวันศุกร์นี้ ซึ่งอาจสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,513.72 จุด ลดลง 1.66 จุด หรือ -0.02%
ตลาดหุ้นลอนดอนทรงตัวในสัปดาห์นี้ เนื่องจากบรรดาเทรดเดอร์ประเมินข้อมูลเศรษฐกิจจากทั่วโลก และรอการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐในวันศุกร์นี้
หุ้นกลุ่มน้ำมันเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ร่วงลงหนักที่สุด เนื่องจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ 75 ดอลลาร์/บาร์เรล
หุ้นโวดาโฟนร่วงลง 3.3% หลังบริษัทเอ็กเซน บีเอ็นพี พาริบาส์ ปรับลดคำแนะนำลงทุนจาก "คงน้ำหนักการลงทุน" เป็น "ลดน้ำหนักการลงทุน"
หุ้นแองโกล อเมริกัน เพิ่มขึ้น 1.2% หลังแหล่งข่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า บริษัทกำลังเตรียมระงับการใช้จ่ายและปรับลดการจ้างงานในแอฟริกาใต้ ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายการประหยัดต้นทุนในเบื้องต้น และอาจปิดเหมืองพลาตินัมบางแห่งที่มีต้นทุนสูงขึ้น
ขณะที่คาดกันว่าธนาคารรายใหญ่ต่าง ๆ จะตรึงอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า บรรดานักลงทุนคาดว่า เฟดและธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในต้นปีหน้าราวเดือนมี.ค. ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) อาจจะใช้เวลานานกว่าในการเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง โดยอาจจะปรับลดในเดือนมิ.ย.
ด้านฮาลิแฟกซ์เปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่า ราคาบ้านในอังกฤษเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า ราคาบ้านร่วงลงแตะจุดต่ำสุดแล้วในปีที่ผ่านมา