ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (8 ธ.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดตลาดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2565 หลังจากการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือซอฟต์ แลนดิ้ง (soft landing)
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,247.87 จุด เพิ่มขึ้น 130.49 จุด หรือ +0.36%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,604.37 จุด เพิ่มขึ้น 18.78 จุด หรือ +0.41% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,403.97 จุด เพิ่มขึ้น 63.98 จุด หรือ +0.45%
ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 0.01% โดยบวกเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นการบวกต่อเนื่องนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2562, ดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น 0.21% ในรอบสัปดาห์นี้และบวกเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน นานที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2562 และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 0.69%
รายงานผลประกอบการรายไตรมาสที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนและความเชื่อมั่นที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เสร็จสิ้นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้วนั้น ได้ช่วยหนุนตลาดหุ้นสหรัฐบวกขึ้นนับตั้งแต่ปลายเดือนต.ค.ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนได้ลดการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนมี.ค.ปีหน้า หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 199,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 180,000 ตำแหน่ง และเพิ่มขึ้นจากระดับ 150,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 3.7% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.9%
ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 4.0% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และเมื่อเทียบรายเดือน ค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 0.4% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3%
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 12-13 ธ.ค.นี้ และคาดว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนพ.ค. 2567 ซึ่งล่าช้าออกไป 2 เดือนจากเดิมที่คาดการณ์กันไว้ก่อนหน้านี้ว่า เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. 2567
นอกจากนี้ ตลาดได้แรงหนุนจากผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 69.4 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. และเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน โดยดัชนีความเชื่อมั่นดังกล่าวสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 62.0 จากระดับ 61.3 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน
สำหรับความเคลื่อนไหวของหุ้นรายตัวนั้น หุ้นอินวิเดีย และหุ้นเมตา แพลตฟอร์ม พุ่งขึ้นเกือบ 2% แต่หุ้นอัลฟาเบทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ลดลง 1.4%
หุ้นฮันนีเวลล์ ลดลง 1.6% หลังเปิดเผยว่าจะซื้อธุรกิจด้านความปลอดภัยของบริษัทแคร์เรีย โกลบอล วงเงิน 4.95 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งส่งผลให้หุ้นแคร์เรีย พุ่งขึ้นเกือบ 4%
หุ้นพาราเมาต์ โกลบอล ซึ่งเป็นบริษัทสื่อ พุ่งขึ้น 12% หลังมีรายงานเกี่ยวกับความสนใจในการเข้าเทกโอเวอร์กิจการของบริษัท ขณะที่หุ้นวอร์เนอร์ บราเธอร์ส ดิสคัฟเวอรี พุ่ง 6.6%