ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันศุกร์ (8 ธ.ค.) หลังแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2565 และปิดบวกเป็นสัปดาห์ที่ 4 เนื่องจากบรรดาเทรดเดอร์คาดว่า ธนาคารกลางต่าง ๆ ได้เสร็จสิ้นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว และจะเปลี่ยนไปปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีหน้า
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 472.26 จุด เพิ่มขึ้น 3.48 จุด หรือ +0.74% โดยปรับตัวขึ้น 1.3% ในรอบสัปดาห์นี้ และปรับตัวขึ้น 11% แล้วในปีนี้
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,526.55 จุด เพิ่มขึ้น 98.03 จุด หรือ +1.32%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,759.22 จุด เพิ่มขึ้น 130.23 จุด หรือ +0.78% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,554.47 จุด เพิ่มขึ้น 40.75 จุด หรือ +0.54%
หุ้นกลุ่มเดินทางและนันทนาการ พุ่ง 4.9% โดยนำตลาดปรับตัวขึ้นในสัปดาห์นี้ ขณะที่กลุ่มพลังงานและเหมืองแร่ร่วงลงหนักที่สุดในรอบสัปดาห์นี้
การเปิดเผยข้อมูลล่าสุดยืนยันว่า เงินเฟ้อของเยอรมนีลดลงในเดือนพ.ย. ซึ่งสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า อัตราดอกเบี้ยในยูโรโซนแตะระดับสูงสุดแล้ว ขณะที่การเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐสนับสนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุน
นักวิเคราะห์ระบุว่า ปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดยุโรปได้แก่ การคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า เนื่องจากเงินเฟ้อและเศรษฐกิจยุโรปชะลอตัวลง
สำหรับการเคลื่อนไหวของหุ้นรายตัวนั้น หุ้นเคอริงซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์กุชชี่ พุ่ง 2.6% หลังประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับปี 2556
หุ้นอื่น ๆ ในกลุ่มสินค้าหรูหรา อาทิ แอลวีเอ็มเอชและแอร์เมส พุ่งขึ้น 3.3% และ 1.5% ตามลำดับ และดัชนีของทั้งกลุ่มพุ่งขึ้น 2.0%
หุ้นเซนส์เบอรี บวก 1.6% หลังโกลด์แมน แซคส์ ปรับเพิ่มคำแนะนำลงทุนหุ้นตัวนี้เป็น "ซื้อ" จาก "คงน้ำหนักการลงทุน"
หุ้นวิวองดิ พุ่ง 2.4% เนื่องจากจะถูกรวมเข้าในการคำนวณในดัชนี CAC40 ของฝรั่งเศส แทนหุ้นเวิลด์ไลน์ตั้งแต่วันที่ 18 ธ.ค.นี้เป็นต้นไป