ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าบวกในวันนี้ (15 ธ.ค.) นำโดยดัชนีฮั่งเส็งของตลาดหุ้นฮ่องกง โดยเคลื่อนไหวตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดปรับตัวขึ้นในวันพฤหัสบดี (14 ธ.ค.) โดยดาวโจนส์ปิดที่ระดับสูงสุดติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่าจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า ขณะที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจีนในเดือนพ.ย.ขยายตัวมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2565
ดัชนีฮั่งเส็งปิดภาคเช้าที่ระดับ 16,893.62 จุด พุ่งขึ้น 491.43 จุด หรือ +3.00%, ดัชนีนิกเกอิปิดภาคเช้าที่ระดับ 33,080.37 จุด พุ่งขึ้น 394.12 จุด หรือ +1.21% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดภาคเช้าที่ระดับ 2,968.49 จุด เพิ่มขึ้น 9.50 จุด หรือ +0.32%
ทางการจีนเปิดเผยว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนพ.ย.ขยายตัวมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2565 แม้ว่ายอดค้าปลีกเติบโตต่ำกว่าการคาดการณ์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวขึ้นแบบกระท่อนกระแท่น
ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ (15 ธ.ค.) ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.ปรับตัวขึ้น 6.6% ในเดือนพ.ย.จากปีก่อนหน้า ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ในผลสำรวจนักวิเคราะห์ที่จัดทำโดยสำนักข่าวรอยเตอร์ที่ 5.6% และตามหลังการปรับตัวขึ้น 4.6% ในเดือนต.ค.
ขณะที่ยอดค้าปลีกของจีนปรับตัวขึ้น 10.1% ในเดือนพ.ย.จากปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นการเติบโตเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. แต่ยังคงต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าจะเติบโตขึ้น 12.5% หลังจากมีฐานเปรียบเทียบในระดับต่ำในปี 2565 โดยเวลานั้นมาตรการสกัดโรคโควิด-19 ที่เข้มงวดได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีน ส่วนยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ปรับตัวขึ้น 7.6%