ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าลบเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ (21 ธ.ค.) โดยเคลื่อนไหวตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับตัวลงในวันพุธ (20 ธ.ค.) ขณะที่นักลงทุนรอการเปิดเผยข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2566 และตัวเลขเงินเฟ้อจากสหรัฐ
ดัชนีฮั่งเส็งปิดภาคเช้าที่ระดับ 16,573.12 จุด ลดลง 40.69 จุด หรือ -0.24%, ดัชนีนิกเกอิปิดภาคเช้าที่ระดับ 33,171.43 จุด ลดลง 504.51 จุด หรือ -1.50% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดภาคเช้าที่ระดับ 2,906.49 จุด เพิ่มขึ้น 4.38 จุด หรือ +0.15%
ดัชนี S&P/ASX 200 ของตลาดหุ้นออสเตรเลีย ปรับตัวลดลง 0.40% หลังปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 8 ในรอบ 9 วันเมื่อวันพุธ (20 ธ.ค.) ส่วนดัชนี Kospi ของตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปรับตัวลดลง 0.69% และดัชนี Kosdaq ลดลง 0.35% หลังปรับขึ้นติดต่อกัน 3 วัน
นักเศรษฐศาสตร์ในผลสำรวจที่จัดทำโดยสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่า GDP สหรัฐจะขยายตัว 5.2% ในไตรมาส 3/2566 เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 2.3% ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4/2563
นักลงทุนในเอเชียจะประเมินดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) จากเกาหลีใต้ เช่นเดียวกับการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากธนาคารกลางอินโดนีเซียในวันนี้
ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพุธ (20 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดพุ่งขึ้นติดต่อกันหลายวัน ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ซึ่งเป็นข้อมูลเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 37,082.00 จุด ลดลง 475.92 จุด หรือ -1.27%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,698.35 จุด ลดลง 70.02 จุด หรือ -1.47% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,777.94 จุด ลดลง 225.28 จุด หรือ -1.50%