ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าบวกเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ (22 ธ.ค.) โดยเคลื่อนไหวตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นในวันพฤหัสบดี (21 ธ.ค.) ขณะที่รายงานการประชุมนโยบายการเงินประจำเดือนต.ค.ของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) แสดงให้เห็นว่าสมาชิกคณะกรรมการนโยบายการเงินได้หารือเกี่ยวกับวิธีการสื่อสารเรื่องการเปลี่ยนจุดยืนในการควบคุมอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล
ดัชนีฮั่งเส็งปิดภาคเช้าที่ระดับ 16,548.98 จุด ลดลง 72.15 จุด หรือ -0.43%, ดัชนีนิกเกอิปิดภาคเช้าที่ระดับ 33,204.89 จุด เพิ่มขึ้น 64.42 จุด หรือ +0.19% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดภาคเช้าที่ระดับ 2,933.25 จุด เพิ่มขึ้น 14.53 จุด หรือ +0.50%
ดัชนี S&P/ASX 200 ของตลาดหุ้นออสเตรเลีย ปรับตัวขึ้น 0.1% ซึ่งพลิกฟื้นจากการปรับตัวลงในช่วงเปิดตลาด
ดัชนี Kospi ของตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปรับตัวขึ้น 0.24% ส่วนดัชนี Kosdaq ลดลง 0.1%
เงินเฟ้อทั่วไปของญี่ปุ่นชะลอตัวลงสู่ 2.8% ในเดือนพ.ย. ซึ่งลดลงจาก 3.3% ในเดือนต.ค.ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2565
เงินเฟ้อพื้นฐานของญี่ปุ่น ซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารสด อยู่ที่ 2.5% ในเดือนพ.ย. ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในผลสำรวจที่จัดทำโดยสำนักข่าวรอยเตอร์และต่ำกว่า 2.9% ในเดือนต.ค.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดี (21 ธ.ค.) ขานรับมุมมองเชิงบวกที่ว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดในไตรมาส 3/2566 จะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 37,404.35 จุด เพิ่มขึ้น 322.35 จุด หรือ +0.87%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,746.75 จุด เพิ่มขึ้น 48.40 จุด หรือ +1.03% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,963.87 จุด เพิ่มขึ้น 185.92 จุด หรือ +1.26%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 ของ GDP ประจำไตรมาส 3/2566 โดยระบุว่า GDP สหรัฐขยายตัว 4.9% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 5.1% ขณะที่ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 และ 2 อยู่ที่ระดับ 4.9% และ 5.2% ตามลำดับ