ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้น ขณะที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปิดฉากการซื้อขายปี 2566 ในสัปดาห์นี้
ณ เวลา 21.58 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 37,592.48 จุด บวก 47.15 จุด หรือ 0.13%
ตลาดหุ้นสหรัฐทำสถิติปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 8 สัปดาห์ โดยได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.2567 และเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยจำนวน 6 ครั้งในปี 2567 โดยปรับลดครั้งละ 0.25% รวม 1.50% มากกว่าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.75%
ตลาดจับตาปรากฎการณ์ "ซานต้า แรลลี่" ในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปีนี้ ซึ่งมักเกิดขึ้นเป็นเวลา 7 วันทำการ โดยมีขึ้นในช่วง 5 วันทำการสุดท้ายของปีปัจจุบัน รวมทั้ง 2 วันแรกของปีใหม่
ข้อมูลบ่งชี้ว่า ดัชนีดาวโจนส์, S&P 500 และ Nasdaq ต่างปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขานรับเฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า หลังเงินเฟ้อชะลอตัวลง
ล่าสุด นายโรเบิร์ต แคปแลน อดีตประธานเฟด สาขาดัลลัส กล่าววานนี้ว่า เขาคาดว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้า เนื่องจากเฟดต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย
นายแคปแลนกล่าวว่า เฟดต้องการหลีกเลี่ยงการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากเกินไป ทำให้เฟดจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงหากเงินเฟ้อยังคงชะลอตัวลงต่อไป
"เหตุผลหนึ่งที่ทำให้เราเผชิญปัญหาเงินเฟ้อคือการที่เฟดใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินนานเกินไป แม้ในขณะที่เศรษฐกิจกำลังดีดตัวขึ้น และผมคิดว่าเฟดไม่อยากทำผิดพลาดเหมือนกันเกี่ยวกับการใช้นโยบายเข้มงวดทางการเงินนานเกินไป ขณะที่เศรษฐกิจและเงินเฟ้อเริ่มอ่อนตัวลง" นายแคปแลนกล่าวในรายการ "Squawk Box" ของสถานีข่าว CNBC
ทั้งนี้ การปรับตัวของดัชนีดาวโจนส์, S&P 500 และ Nasdaq ในเดือนธ.ค., ไตรมาส 4 และตั้งแต่ต้นปี 2566 เป็นดังนี้:-
-ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 4.4% ในเดือนธ.ค., 12.1% ในไตรมาส 4 และ 13.3% ตั้งแต่ต้นปี 2566
-ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้น 4.5% ในเดือนธ.ค., 11.4% ในไตรมาส 4 และ 24.4% ตั้งแต่ต้นปี 2566
-ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 6% ในเดือนธ.ค., 14% ในไตรมาส 4 และ 44% ตั้งแต่ต้นปี 2566
นอกจากนี้ การทะยานขึ้น 44% ของดัชนี Nasdaq ตั้งแต่ต้นปี 2566 ถือเป็นการทำสถิติปรับตัวขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบรายปีนับตั้งแต่ปี 2546