ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพุธ (27 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างเร็วที่สุดในเดือนมี.ค.ปีหน้า ขณะที่หุ้นกลุ่มบริษัทเดินเรือร่วงลงจากข่าวการเริ่มกลับมาเดินเรือในคลองสุเอซ และทะเลแดงอีกครั้ง
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 478.62 จุด เพิ่มขึ้น 1.02 จุด หรือ +0.21%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,571.82 จุด เพิ่มขึ้น 3.00 จุด หรือ +0.04%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,742.07 จุด เพิ่มขึ้น 35.89 จุด หรือ +0.21% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,724.95 จุด เพิ่มขึ้น 27.44 จุด หรือ +0.36%
หุ้นกลุ่มเดินเรือ อาทิ เมอส์ก, ฮาแพก ลอยด์ และฟรอนต์ไลน์ ปรับตัวลง 1.3-8.2% หลังเตรียมกลับมาเดินเรือในคลองสุเอซและทะเลแดงได้อีกครั้ง หลังจากที่หยุดการเดินเรือในเส้นทางดังกล่าวในช่วงต้นเดือนนี้ เนื่องจากการโจมตีของกลุ่มฮูตีของเยเมน
ปริมาณการซื้อขายในตลาดคาดว่าจะเบาบางหลังวันหยุดคริสต์มาสและเหลือวันทำการไม่กี่วันในปีนี้ ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้น 7 สัปดาห์ติดต่อกันแล้ว และบวกขึ้นเกือบ 13% แล้วในปีนี้ โดยหุ้นกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นมากที่สุด
ตลาดหุ้นทั่วโลกทะยานขึ้นตั้งแต่กลางเดือนธ.ค. หลังเฟดส่งสัญญาณว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
สำหรับความเคลื่อนไหวของหุ้นรายตัวนั้น หุ้นไบเออร์ บริษัทเวชภัณฑ์และเคมีภัณฑ์รายใหญ่ของเยอรมนี พุ่งขึ้น 2.3% หลังเปิดเผยว่า บริษัทชนะคดีที่ชายชาวแคลิฟอร์เนียฟ้องร้องว่าเขาเป็นมะเร็งจากการสัมผัสกับยาฆ่าวัชพืชราวด์อัป (Roundup) ของบริษัท
หุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่ง 2.3% หลังรายงานว่า บริษัทเตรียมขายหุ้นในวูดสมิธ ซึ่งเป็นโครงการเหมืองใหญ่ที่สุดของอังกฤษ