ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทดีดตัวอย่างแข็งแกร่งในปี 2566 โดยดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้น 24% และสามารถปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 9 สัปดาห์ก่อนปิดฉากปี 2566 ซึ่งเป็นการทำสถิติช่วงบวกรายสัปดาห์ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2547
ตลาดได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนแห่ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง หลังเงินเฟ้อชะลอตัวลง ขณะที่มีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะไม่เผชิญภาวะถดถอย แต่จะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือซอฟต์แลนดิ้ง หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
อย่างไรก็ดี ผลการสำรวจ Market Strategist Survey ของสำนักข่าว CNBC ระบุว่า นักวิเคราะห์คาดว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะให้ผลตอบแทนในปี 2567 ต่ำกว่าปี 2566 โดยนักวิเคราะห์ 14 รายจากบริษัทชั้นนำคาดว่าดัชนี S&P 500 จะปิดตลาด ณ สิ้นปี 2567 ที่ระดับ 4,881 จุด หรือเพิ่มขึ้นเพียง 2.3% จากระดับ 4,769.83 จุด ณ สิ้นปี 2566 โดยได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจและการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งจะทำให้บริษัทจดทะเบียนมีผลประกอบการลดลง
"ความเสี่ยงใหญ่ที่สุดที่ตลาดหุ้นจะเผชิญไม่ใช่การที่เฟดหรือธนาคารกลางยุโรปปรับลดอัตราดอกเบี้ยน้อยกว่าคาด แต่เป็นเรื่องของกำไรต่อหุ้นที่ลดลงมากกว่าคาด ขณะที่เศรษฐกิจชะลอตัวลง และภาคเอกชนขาดอำนาจในการกำหนดราคา" นายอดัม คริสซาฟูลลี ผู้ก่อตั้งบริษัท Vital Knowledge ระบุในรายงาน