ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันอังคาร (2 ม.ค.) โดยถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มการเงินที่ปรับตัวลง และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,721.52 จุด ลดลง 11.72 จุด หรือ -0.15% หลังแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนในการซื้อขายช่วงเช้า
ตลาดถูกกดดันหลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นมากกว่า 0.15% สู่ระดับ 3.695% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์ โดยปรับตัวตามพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ เนื่องจากนักลงทุนเริ่มลดการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
หุ้นกลุ่มบริการด้านวาณิชธนกิจและโบรกเกอร์นำตลาดร่วงลง โดยร่วง 2.2% และหุ้นกลุ่มประกันร่วงลง 1.9%
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากผลสำรวจที่บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตของอังกฤษชะลอลง เนื่องจากผลผลิตและการจ้างงานร่วงลงในเดือนธ.ค.รุนแรงกว่าในเดือนพ.ย.
แต่หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์และไบโอเทค พุ่งขึ้น 1.7% โดยได้แรงหนุนจากหุ้นแอสตร้าเซนเนก้าที่พุ่งขึ้น 1.8% หลังวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันโรคจากไวรัสระบบทางเดินหายใจ (RSV) สำหรับทารกที่พัฒนาร่วมกับซาโนฟี่ (SASY.PA) ได้รับการอนุมัติในประเทศจีน
หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซปรับตัวขึ้น 0.4% หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นจากแนวโน้มผลกระทบด้านปริมาณน้ำมันในตะวันออกกลางหลังมีการปะทะกันในทะเลแดง
สำหรับหุ้นรายตัวนั้น หุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ บวก 1.3% หลังเอ็กแซน บีเอ็นพี พาริบาส์ ปรับเพิ่มคำแนะนำลงทุน