ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (9 ม.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนยังคงประเมินทั้งขนาดและช่วงเวลาที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ พร้อมกับจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 37,525.16 จุด ลดลง 157.85 จุด หรือ -0.42%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,756.50 จุด ลดลง 7.04 จุด หรือ -0.15% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,857.71 จุด เพิ่มขึ้น 13.94 จุด หรือ +0.09%
นักลงทุนลดน้ำหนักต่อการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนมี.ค.ปีนี้ ซึ่งส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 4.053% เมื่อคืนนี้
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 65.7% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค. ซึ่งลดลงจากก่อนหน้านี้ที่ให้น้ำหนัก 79% โดยนักลงทุนปรับลดการคาดการณ์ดังกล่าวหลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่สูงเกินคาดในเดือนธ.ค. ซึ่งจะเป็นปัจจัยทำให้เฟดคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาดไว้
ทางด้านเจ้าหน้าที่เฟดได้ออกมาส่งสัญญาณในเชิงสนับสนุนการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงต่อไป โดยนายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนต้ากล่าวว่า เฟดมีความจำเป็นต้องดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงินต่อไป ขณะที่นางมิเชล โบว์แมน หนึ่งในสมาชิกคณะผู้ว่าการเฟดกล่าวว่า วงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มสิ้นสุดลงแล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 1.63% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในบรรดาหุ้นที่คำนวณในดัชนี S&P500 ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น 0.25%
หุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 1.4% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันวันที่ 2 หลังจากสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) สั่งระงับการใช้งานเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX 9 เพื่อตรวจสอบความปลอดภัย ภายหลังจากเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX 9 ของสายการบินอลาสก้า แอร์ไลน์ประสบเหตุชิ้นส่วนบริเวณผนังเครื่องบินหลุดกลางอากาศ ส่งผลให้เกิดช่องโหว่ขนาดใหญ่บริเวณลำตัวเครื่องบินและต้องร่อนลงจอดฉุกเฉิน
หุ้นจูปิเตอร์ เน็ตเวิร์คส์ (Juniper Networks) หลังจากสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า บริษัทฮิวเล็ตต์ แพคการ์ด เอนเตอร์ไพรซ์ (Hewlett Packard Enterprise) กำลังเจรจาซื้อกิจการจูปิเตอร์ เน็ตเวิร์คส์ ในวงเงิน 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนธ.ค.ของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 3.2% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 3.1% ในเดือนพ.ย. และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 3.8% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 4.0% ในเดือนพ.ย.