ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้นในวันนี้ โดยตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงดีดตัวขึ้นขานรับการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางจีนจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจีนที่กำลังเผชิญกับภาวะเงินฝืด นอกจากนี้ บรรยากาศโดยรวมในตลาดเอเชียยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย แม้ว่าเงินเฟ้อสหรัฐออกมาสูงกว่าการคาดการณ์ก็ตาม
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 16,307.10 จุด เพิ่มขึ้น 5.06 จุด หรือ +0.03%, ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 2,886.87 จุด เพิ่มขึ้น 0.22 จุด หรือ +0.01% และดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดภาคเช้าที่ระดับ 35,422.95 จุด พุ่งขึ้น 373.09 จุด หรือ +1.06%
ส่วนราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นกว่า 2% ในช่วงเช้าวันนี้ หลังมีรายงานว่าสหรัฐเปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อฐานที่มั่นของกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตะวันออกกลาง
นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปีซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีนลง 0.10% สู่ระดับ 2.40% จากระดับ 2.50% ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ (15 ม.ค.) และคาดว่าธนาคารกลางจีนอาจจะปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในระบบการเงินด้วย
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจจีนในวันนี้ สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) เปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดส่งออกเดือนธ.ค.ของจีนเพิ่มขึ้น 2.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดว่าอาจเพิ่มขึ้นเพียง 1.7%
ขณะที่ยอดการนำเข้าในเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 0.2% ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอาจเพิ่มขึ้น 0.3%
ทางด้านสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวลง 0.3% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี
ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าที่หน้าประตูโรงงาน ลดลง 2.7% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 15
ทางการจีนมีกำหนดเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2566 ในสัปดาห์หน้า ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะบ่งชี้ถึงภาพรวมเศรษฐกิจตลอดปี 2566 ของจีน ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่า ตัวเลข GDP จีนจะยังคงออกมาสอดคล้องกับเป้าหมายรายปีที่รัฐบาลกำหนดไว้ที่ระดับ 5%