ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดดิ่งลงเกือบ 200 จุด หลังสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงยาวนานกว่าที่คาด
ณ เวลา 21.18 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 184 จุด หรือ 0.49% สู่ระดับ 37,369 จุด
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนพ.ย.
เมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 5.6% ในเดือนธ.ค.
หากไม่รวมยอดขายรถยนต์และน้ำมัน ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนธ.ค.
นอกจากนี้ ตลาดถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีเหนือระดับ 4.1% หลังการเปิดเผยยอดค้าปลีกดังกล่าว
นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟด สาขานิวยอร์ก ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด ก่อนที่เฟดจะเริ่มเข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน (Blackout Period) ในปลายสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ เฟดจะเริ่มเข้าสู่ช่วง Blackout Period ในวันที่ 20 ม.ค. ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันที่ 30-31 ม.ค.
กฎระเบียบของเฟดได้ระบุห้ามเจ้าหน้าที่เฟดแสดงความเห็นหรือให้สัมภาษณ์ในช่วง Blackout Period เกี่ยวกับนโยบายการเงิน โดยเริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่สองก่อนที่การประชุม FOMC จะเริ่มขึ้น และสิ้นสุดในวันพฤหัสบดีหลังการประชุม FOMC เพื่อป้องกันไม่ให้สาธารณชนตีความว่าเป็นการบ่งชี้การดำเนินการด้านอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมนโยบายการเงินที่จะมาถึง