ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพุธ (17 ม.ค.) โดยถูกกดดันจากความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ทำลายความหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และตลาดยังได้รับผลกระทบจากข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอกว่าคาดด้วย
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 467.71 จุด ลดลง 5.35 จุด หรือ -1.13%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,318.69 จุด ลดลง 79.31 จุด หรือ -1.07%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,431.69 จุด ลดลง 139.99 จุด หรือ -0.84% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,446.29 จุด ลดลง 112.05 จุด หรือ -1.48%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 6 สัปดาห์และร่วงลงวันเดียวคิดเป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.
นางคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB กล่าวว่า ECB กำลังดำเนินการเพื่อให้เงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ ขณะที่นายคลาสส์ น็อต ประธานธนาคารกลางเนเธอร์แลนด์กล่าวว่า ตลาดมีความเชื่อมั่นมากเกินไปเกี่ยวกับการปรับลดอัตาราดอกเบี้ย
ตลาดคาดว่า ECB จะหยุดปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนม.ค. และคาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยทั้งสิ้น 1.50% ในปีนี้
หุ้นทุกกลุ่มปรับตัวลง โดยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ร่วงลง 2.8% ซึ่งเป็นการลดลงวันเดียวมากที่สุดเมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ในรอบกว่า 2 เดือน
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่จีนเปิดเผยว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ต่ำกว่าคาด
หุ้นกลุ่มสินค้าหรูหราที่พึ่งพาตลาดจีนร่วงลง โดยหุ้นแอลวีเอ็มเอช, เคอริง และริชมอนด์ ร่วง 2.4-3.5% ขณะที่หุ้นกลุ่มรถยนต์ร่วงลง 2%
หุ้นกลุ่มประกันที่พึ่งพาตลาดเอเชีย อาทิ เอชเอสบีซีและพรูเดนเชียล ร่วงลง 1.0% และ 3.9%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะพื้นฐานและโลหะมีค่า ร่วงลง 2% เนื่องจากราคาทองแดงและทองคำปรับตัวลง
หุ้นเชลล์ร่วงลง 2.3% เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวลง และยูบีเอสลดคำแนะนำลงทุนในหุ้นเชลล์จาก "ซื้อ" เป็น "คงน้ำหนักลงทุน"