ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันพุธ (17 ม.ค.) แตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ หลังอังกฤษเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่แข็งแกร่งเกินคาดได้ทำลายความหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ และข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอเกินคาดนั้นกดดันหุ้นที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,446.29 จุด ลดลง 112.05 จุด หรือ -1.48%
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน และปรับตัวลงคิดเป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2566
อัตราเงินเฟ้อจากราคาผู้บริโภค (CPI) ของอังกฤษปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือนในเดือนธ.ค.สู่ระดับ 4.0% ซึ่งสูงกว่าประมาณการของนักเศรษฐศาสตร์ ซึ่งเป็นผลจากการปรับขึ้นภาษียาสูบ โดยข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของอังกฤษยังคงอยู่ที่ระดับสูง และมีแนวโน้มที่จะสกัดกั้นการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
หุ้นกลุ่มบริษัทสร้างบ้านที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ร่วงลง 2.9% ขณะที่ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ร่วงลง 3.9%
หุ้นที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งได้แก่กลุ่มเหมืองแร่โลหะอุตสาหกรรม, โลหะมีค่า รวมถึงกลุ่มน้ำมันและก๊าซ ปรับตัวลงราว 1.9%-3.2% โดยถูกกดดันจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นและการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาจากจีน