ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้นในวันนี้ บ่งชี้การดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว
ณ เวลา 19.02 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 54 จุด หรือ 0.14% สู่ระดับ 38,099 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นเกือบ 400 จุดเมื่อวันศุกร์ ขณะที่ดัชนี S&P 500 พุ่งกว่า 1% ปิดตลาดที่ระดับ 4,839.81 จุด ทำลายสถิติสูงสุดตลอดกาลที่เคยทำไว้เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2565 โดยตลาดได้แรงหนุนจากการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐที่สูงเกินคาด ขณะที่ผู้บริโภคเพิ่มความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต หลังคลายความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ
นักลงทุนหันมาจับตาตัวเลขเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์ เนื่องจากจะไม่มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในขณะนี้ โดยเฟดเริ่มเข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน (Blackout Period) ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันที่ 30-31 ม.ค.
กฎระเบียบของเฟดได้ระบุห้ามเจ้าหน้าที่เฟดแสดงความเห็นหรือให้สัมภาษณ์ในช่วง Blackout Period เกี่ยวกับนโยบายการเงิน โดยเริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่สองก่อนที่การประชุม FOMC จะเริ่มขึ้น และสิ้นสุดในวันพฤหัสบดีหลังการประชุม FOMC เพื่อป้องกันไม่ให้สาธารณชนตีความว่าเป็นการบ่งชี้การดำเนินการด้านอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมนโยบายการเงินที่จะมาถึง
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเกือบ 100% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 30-31 ม.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนเทน้ำหนักเลื่อนคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดในปีนี้จากเดือนมี.ค.ออกไปเป็นเดือนพ.ค. หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาด และเจ้าหน้าที่เฟดได้ออกมาแสดงความเห็นสนับสนุนการตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงจนกว่าจะมั่นใจว่าเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%