ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นมากกว่า 1% ในวันศุกร์ (26 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งและการคาดการณ์แนวโน้มธุรกิจที่สดใสจากบริษัทแอลวีเอ็มเอช (LVMH) หรือหลุยส์วิตตอง และบริษัทเรมี คอนโทร ขณะที่นักลงทุนประเมินแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดี
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 483.84 จุด เพิ่มขึ้น 5.31 จุด หรือ +1.11% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี และปรับตัวขึ้น 3.1% ในรอบสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดในรอบ 12 สัปดาห์
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,634.14 จุด เพิ่มขึ้น 169.94 จุด หรือ +2.28%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,961.39 จุด เพิ่มขึ้น 54.47 จุด หรือ +0.32% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,635.09 จุด เพิ่มขึ้น 105.36 จุด หรือ +1.40%
หุ้น LVMH พุ่ง 12.8% หลังเปิดเผยยอดขายไตรมาส 4/2566 เพิ่มขึ้น 10% โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่ฟื้นตัว รวมถึงจากผู้ซื้อชาวจีน
หุ้นกลุ่มสินค้าส่วนบุคคลและครัวเรือน พุ่งขึ้น 5.2%
ดัชนีหุ้นกลุ่มบริษัทสินค้าหรูหราชั้นนำของยุโรป 10 แห่ง พุ่งขึ้น 6.7% หลังนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นดังกล่าวเป็นมูลค่าราว 7 หมื่นล้านดอลลาร์ในวันศุกร์
หุ้นเรมี คอนโทร ซึ่งเป็นบริษัทสุราของฝรั่งเศส พุ่ง 15.2% หลังเปิดเผยยอดขายไตรมาส 3 ลดลงน้อยกว่าคาด ขณะที่หุ้นคู่แข่งอย่าง เพอร์นอด ริคาร์ด และดิอาจีโอ พุ่งขึ้น 7.9% และ 5.1% ตามลำดับ
หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ ปรับตัวขึ้น 1.3% โดยได้แรงหนุนจากหุ้นลอนซา (Lonza) บริษัทผลิตยาของสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งพุ่งขึ้น 14.4% หลังรายงานยอดขายและผลประกอบการปี 2566 สูงเกินคาด
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่ ECB ตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ 4% ในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดี และยืนยันความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับเงินเฟ้อ ขณะที่บรรดาเทรดเดอร์ในตลาดเงินคาดว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเกือบ 1.41% ในปีนี้ โดยปรับลดเพิ่มขึ้นจากที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ที่ 1.30%