ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันศุกร์ (26 ม.ค.) โดยปรับตัวขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ที่ผ่านมา โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทสินค้าหรูหราของยุโรปซึ่งได้ช่วยหนุนหุ้นเบอเบอร์รีและหุ้นดิอาจีโอ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคชาวอังกฤษแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,635.09 จุด เพิ่มขึ้น 105.36 จุด หรือ +1.40% โดยปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์เป็นครั้งแรกในปีนี้ และเป็นการปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดในรอบกว่า 4 เดือน
หุ้นเบอเบอร์รีซึ่งเป็นบริษัทสินค้าหรูหราของอังกฤษ พุ่ง 4.9% หลังบริษัทแอลวีเอ็มเอช หรือหลุยส์วิตตองของฝรั่งเศส เปิดเผยยอดขายไตรมาส 4/2566 เพิ่มขึ้น 10% ซึ่งทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นในการฟื้นตัวของอุปสงค์สินค้าหรูหรา โดยเฉพาะในจีน
หุ้นกลุ่มสินค้าส่วนบุคคล พุ่ง 4.2% ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุดในรอบกว่า 1 เดือน
หุ้นกลุ่มเครื่องดื่ม พุ่ง 4.6% โดยหุ้นดิอาจีโอ ผู้ผลิตวิสกี้จอห์นนี่ วอล์คเกอร์ พุ่งขึ้น 5.1% หลังบริษัทเรมี คอนโทรซึ่งเป็นบริษัทสุราของฝรั่งเศสเปิดเผยยอดขายไตรมาส 3 ที่ดีเกินคาด
หุ้นโวดาโฟน ผู้ประกอบการด้านเทเลคอม พุ่งขึ้น 3.9% หลังรัฐบาลอังกฤษอนุมัติการทำข้อตกลงด้านความสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์กับ e& ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทเทเลคอมในอาบูดาบี เมืองหลวงของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลสำรวจที่บ่งชี้ว่า ผู้บริโภคของอังกฤษมีความเชื่อมั่นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2565 เนื่องจากเงินเฟ้อที่ลดลงทำให้พวกเขามีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับฐานะการเงินมากขึ้น