ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันจันทร์ (5 ก.พ.) โดยถูกกดดันจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลทั่วยุโรปพุ่งขึ้น หลังจากมีการคาดการณ์ลดลงเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารรายใหญ่ ๆ ในไม่ช้านี้ ซึ่งได้บดบังปัจจัยบวกจากการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนบางแห่ง
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 483.69 จุด ลดลง 0.24 จุด หรือ -0.05%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,589.96 จุด ลดลง 2.30 จุด หรือ -0.03%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,904.06 จุด ลดลง 14.15 จุด หรือ -0.08% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,612.86 จุด ลดลง 2.68 จุด หรือ -0.03%
ตลาดถูกกดดันหลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเยอรมนีปรับตัวขึ้นแตะ 2.318% หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐได้ทำลายความหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐในเร็ว ๆ นี้
บรรยากาศการซื้อขายยังคงซบเซา ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ให้สัมภาษณ์ในวันอาทิตย์ว่า เฟดจะพิจารณาอย่างรอบคอบในการตัดสินใจว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเมื่อใด
ตลาดยังคงวิตกว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ที่ระดับสูงเป็นเวลานาน หลังดัชนี PMI รวมของ HCOB ที่รวบรวมโดยเอสแอนด์พี โกลบอลบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจยูโรโซนแสดงสัญญาณเบื้องต้นถึงการฟื้นตัวในเดือนม.ค.
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ ร่วง 1.7% เนื่องจากราคาโลหะส่วนใหญ่ลดลงหลังดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และหุ้นกลุ่มค้าปลีก ร่วงลง 2.2%
สำหรับหุ้นรายตัวนั้น หุ้นธนาคารซานทานแดร์ของสเปนและธนาคารลอยด์สของอังกฤษ ร่วงลง 5.0% และ 1.0% ตามลำดับ หลังไฟแนนเชียล ไทม์สรายงานว่า อิหร่านใช้บัญชีจากสองธนาคารนี้เพื่อโยกย้ายเงินทั่วโลกเพื่อหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตร