ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าไร้ทิศทางในวันนี้ (6 ก.พ.) โดยหุ้นจีนและฮ่องกงปรับตัวขึ้นหลังจากทางการจีนออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อยับยั้งการเทขายหุ้นที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ขณะที่หุ้นอื่น ๆ ในเอเชียปรับตัวลดลง
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 15,890.89 จุด เพิ่มขึ้น 380.88 จุด หรือ +2.46% ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 2,724.26 จุด เพิ่มขึ้น 22.08 จุด หรือ +0.82% และดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดภาคเช้าที่ระดับ 36,114.06 จุด ลดลง 240.10 จุด หรือ -0.66%
ดัชนี S&P/ASX 200 ของตลาดหุ้นออสเตรเลียปรับตัวลงต่อจากเมื่อวานนี้ โดยลดลง 0.7%
ความเคลื่อนไหวล่าสุดในวันนี้ รัฐบาลจีนกำลังใช้มาตรการควบคุมการซื้อขายหุ้นกับนักลงทุนสถาบันภายในประเทศ รวมทั้งบริษัทในเครือที่อยู่ในต่างประเทศ ในขณะที่ทางการจีนยังคงเดินหน้าสกัดการร่วงลงของตลาดหุ้น
ทางการจีนกำลังพยายามสร้างเสถียรภาพในตลาดหุ้น หลังจากตลาดดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปีท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวนอย่างหนักเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (2 ก.พ.) โดยมาตรการล่าสุดนี้ถือเป็นอีกหนึ่งในย่างก้าวสำคัญที่ทางการจีนต้องการจะสกัดการร่วงลงของตลาดหุ้น หลังจากมูลค่าตลาดหุ้นจีนหายไปถึง 7 ล้านล้านดอลลาร์ และบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 4.35% ในการประชุมวันนี้ (6 ก.พ.) ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์
ในการประชุมครั้งนี้ RBAได้ปรับลดคาดการณ์เงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ก็ส่งสัญญาณว่าอุปสงค์ยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าอุปทาน ซึ่งบ่งชี้ว่า RBA ยังไม่เร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ย
RBA ระบุในแถลงการณ์นโยบายการเงินรายไตรมาสว่า อัตราเงินเฟ้อของออสเตรเลียมีแนวโน้มปรับตัวลงสู่เป้าหมายของ RBA ในกรอบ 2-3% ในช่วงปลายปี 2568 และคาดว่าจะลดลงจนแตะจุดกึ่งกลางที่ระดับ 2.5% ในปี 2569
กระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่น (MIC) เปิดเผยข้อมูลในวันนี้ (6 ก.พ.) ว่า การใช้จ่ายภาคครัวเรือนของญี่ปุ่น ลดลง 2.5% ในเดือนธ.ค. 2566 เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยลดลงเป็นเดือนที่ 10 ติดต่อกัน
ข้อมูลระบุว่า ครัวเรือนที่มีสมาชิกตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปใช้จ่ายโดยเฉลี่ย 329,518 เยน (2,200 ดอลลาร์)