ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าบวกเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ (8 ก.พ.) โดยดัชนีนิกเกอิของตลาดหุ้นญี่ปุ่นนำตลาดปรับตัวขึ้น โดยพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 34 ปี หลังมีรายงานข่าวที่บ่งชี้ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะไม่คุมเข้มนโยบายการเงินในเชิงรุก
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 15,941.66 จุด ลดลง 140.23 จุด หรือ -0.87% ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 2,862.31 จุด เพิ่มขึ้น 32.62 จุด หรือ +1.15% และดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดภาคเช้าที่ระดับ 36,738.42 จุด เพิ่มขึ้น 618.50 จุด หรือ +1.71%
ดัชนี S&P/ASX 200 ของตลาดหุ้นออสเตรเลียปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 3 โดยปรับตัวขึ้น 0.47%
ดัชนี Kospi ของตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปรับตัวขึ้น 0.5% ส่วนดัชนี Kosdaq ปรับตัวขึ้น 1.5%
นักลงทุนประเมินข้อมูลเงินเฟ้อเดือนม.ค.ของจีนและรอธนาคารกลางอินเดียประกาศการตัดสินใจด้านอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายชินอิจิ อุจิดะ รองผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ระบุว่า BOJ ไม่น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเชิงรุก แม้ว่าจะยุติการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบแล้วก็ตาม
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวลง 0.8% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดว่าอาจลดลง 0.5% และเป็นการปรับตัวลงมากกว่าในเดือนธ.ค. 2566 ที่ลดลง 0.3% โดยดัชนี CPI เดือนม.ค.ของจีนปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4
ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าที่หน้าประตูโรงงาน ลดลง 2.5% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเดือนที่ 16 แม้ว่าตัวเลขดังกล่าวปรับตัวลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าอาจลดลง 2.6% หลังจากที่ลดลง 2.7% ในเดือนธ.ค. 2566
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอินเดียจะตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 6.5%