ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวแคบ ขณะที่ดัชนี S&P 500 ดีดตัวทะลุระดับ 5,000 จุด ขานรับสหรัฐปรับลดตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนธ.ค. ซึ่งบ่งชี้ถึงเงินเฟ้อที่ชะลอลง และจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ณ เวลา 21.38 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 38,709.82 จุด ลบ 16.51 จุด หรือ 0.04% ขณะที่ดัชนี S&P 500 บวก 0.11% สู่ระดับ 5,003.56
นักลงทุนพากันปรับเพิ่มน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนพ.ค. และลดน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในเดือนดังกล่าว หลังสหรัฐปรับลดดัชนี CPI ประจำเดือนธ.ค.
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 54.8% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมเดือนพ.ค. หลังจากที่ให้น้ำหนัก 50.3% เมื่อวานนี้
ขณะเดียวกัน นักลงทุนให้น้ำหนัก 35.1% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือนพ.ค. หลังจากที่ให้น้ำหนัก 40.1% เมื่อวานนี้
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐประกาศปรับลดตัวเลขดัชนี CPI ประจำเดือนธ.ค. จากเดิมที่มีการรายงานก่อนหน้านี้
ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าตัวเลขที่มีการรายงานก่อนหน้านี้ที่ระดับ 0.3%
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนธ.ค. สอดคล้องกับตัวเลขที่มีการรายงานก่อนหน้านี้
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทยังได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน โดยบริษัทจำนวน 319 แห่งในดัชนี S&P 500 ได้เปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 4/2566 แล้ว ซึ่งบริษัท 80.6% จากจำนวนดังกล่าวมีกำไรสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยสูงกว่าระดับเฉลี่ย 67% นับตั้งแต่ปี 2537
นักลงทุนจับตาดัชนี CPI ประจำเดือนม.ค.ที่จะมีการเปิดเผยในวันอังคารที่ 13 ก.พ. รวมทั้งถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ