ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันนี้ เพื่อประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดภาคเช้าที่ระดับ 37,798.89 จุด เพิ่มขึ้น 901.47 จุด หรือ +2.44% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2533 หรือสูงสุดในรอบ 34 ปี โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวานนี้ (12 ก.พ.) นอกจากนี้ เงินเยนที่อ่อนค่าลงยังช่วยหนุนหุ้นกลุ่มส่งออกด้วย
ส่วนดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดภาคเช้าบวก 0.92% และดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดภาคเช้าขยับลง 0.62%
ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงปิดทำการในวันนี้ เนื่องในเทศกาลตรุษจีน โดยตลาดหุ้นฮ่องกงจะกลับมาเปิดการซื้อขายอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (14 ก.พ.) ส่วนตลาดหุ้นจีนปิดทำการตลอดทั้งสัปดาห์นี้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจในเอเชียช่วงเช้านี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เบื้องต้นของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าที่หน้าประตูโรงงาน เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี
ขณะที่สถาบันเวสต์แพค-เมลเบิร์นเปิดเผยผลสำรวจในวันนี้ระบุว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคชาวออสเตรเลียดีดตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 20 เดือนในเดือนก.พ. เนื่องจากการชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อทำให้ผู้บริโภคคาดหวังว่า อัตราดอกเบี้ยได้ผ่านพ้นจุดสูงสุดไปแล้ว ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความตั้งใจที่จะใช้จ่ายกันมากขึ้น
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันนี้ เพื่อประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 2.9% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวจากระดับ 3.4% ในเดือนธ.ค. และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 3.8% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากระดับ 3.9% ในเดือนธ.ค.