ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันอังคาร (13 ก.พ.) หลังการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่สูงเกินคาดของสหรัฐทำให้เทรดเดอร์ลดคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงจากระดับสูงสุดในรอบกว่า 20 ปี
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 482.83 จุด ลดลง 4.63 จุด หรือ -0.95%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,625.31 จุด ลดลง 64.49 จุด หรือ -0.84%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,880.83 จุด ลดลง 156.52 จุด หรือ -0.92% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,512.28 จุด ลดลง 61.41 จุด หรือ -0.81%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนม.ค. เนื่องจากราคาที่อยู่อาศัยและต้นทุนการดูแลสุขภาพเพิ่มสูงขึ้น
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลทั่วโลกปรับตัวขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของเยอรมนีแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนเนื่องจากเทรดเดอร์เลื่อนคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดจากเดือนพ.ค.ไปเป็นเดือนมิ.ย. ขณะที่บรรดาเทรดเดอร์คาดการณ์ว่า มีแนวโน้ม 60% ที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างเร็วที่สุดในเดือนเม.ย.นี้
ดัชนีความผันผวนของตลาดหุ้นยุโรปพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 เดือนในการซื้อขายช่วงเช้า
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเผชิญแรงเทขาย ร่วง 2.7% จากระดับสูงสุดในรอบ 23 ปีที่เข้าทดสอบเมื่อวันจันทร์
หุ้นบริษัทผลิตชิป อาทิ เอเอสเอ็มแอล, บีอี เซมิคอนดักเตอร์ และอินฟินีออน ร่วงลง 3-5% หลังบริษัทซิลทรอนิกคาดว่ากำไรของบริษัทก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) จะลดลงอย่างมากในปีนี้
หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ร่วงลง 2.5% สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2566